รมว.คลัง ยันฐานะการเงินของไทยยังแข็งแกร่ง แจงปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
logo ข่าวอัพเดท

รมว.คลัง ยันฐานะการเงินของไทยยังแข็งแกร่ง แจงปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ข่าวอัพเดท : รมว.คลัง ยันฐานะการเงินของไทยยังแข็งแกร่ง ชี้เงินคงคลังเหลือ 7.4 หมื่นล้านบาท เหตุจากบริหารเงินสดคงเหลือ หวังประหยัดภาระดอกเบี้ย พร้ ภาษีน้ำมัน,กระทรวงการคลัง,ฐานะ,เงินคงคลัง

3,066 ครั้ง
|
06 ก.พ. 2560
รมว.คลัง ยันฐานะการเงินของไทยยังแข็งแกร่ง ชี้เงินคงคลังเหลือ 7.4 หมื่นล้านบาท เหตุจากบริหารเงินสดคงเหลือ หวังประหยัดภาระดอกเบี้ย พร้อมศึกษาแก้ไขกม.เงินคงคลัง กันวงเงินกู้ฉุกเฉินระยะสั้น 8 หมื่นล้านบาท ได้แต่ไม่จำเป็นต้องกู้จริง การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไม่เกี่ยวกับเงินรัฐหด
 
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดถึงกรณีที่มีกระแสว่าเงินคงคลังที่มีอยู่ขณะนี้ลดลง และมีผลกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศว่า สถานะการคลังของประเทศ หรือเงินคงคลังที่หมายถึงเงินสดคงคลังที่เหลืออยู่ ซึ่งในความเป็นจริงมีเพียง 50,000-100,000 ล้านบาทในการบริหารจัดการต่างๆ ก็เพียงพอ ดังนั้นยืนยันเงินคงคลังยังอยู่ในสถานะที่ดีอยู่ ไม่ได้ถังแตก โดย ณ เดือน ธ.ค. 59 ซึ่งเป็นตัวเลขที่หักลบรายได้และรายจ่ายแล้วคงเหลือทั้งสิ้น 74,907 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดำเนินการตามนโยบายที่ต้องการไม่ให้มีเงินสดคงคลังเหลือสูงเกินไป จนเป็นภาระในการชำระดอกเบี้ยที่ไม่จำเป็น โดยหากลดเงินดังกล่าวได้ 100,000 ล้านบาท จะลดค่าดอกเบี้ยได้ 2,000 ล้านบาท 
 
ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีการเก็บเงินคงคลังไว้สูงถึง 4 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมองว่าไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด โดยรายได้ของรัฐบาลมาจากสองส่วนหลักคือ รายได้จากการจัดเก็บภาษี และเงินกู้ รัฐบาลดำเนินนโยบายเรื่องของการกู้เงินตามความจำเป็นไม่กู้มาเก็บเอาไว้ซึ่งจะทำให้เสีย
 
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คล่องในการบริหารจัดการเงินสดคงคลัง จึงได้สั่งการให้ศึกษาการแก้ไขกฎหมายเงินคงคลัง ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน.ให้สามารถกันเงินกู้ฉุกเฉินระยะสั้นวงเงิน 80,000 ล้านบาท ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินโดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินไว้ก่อนเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งทำให้สภาพคล่องในการบริหารเงินคงคลังมีประสิทธิภาพและประหยัดภาระดอกเบี้ยมากขึ้น
 
 
ส่วนกรณีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินภายในประเทศนั้น ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับเงินคงคลังที่ลดลง แต่เป็นการปรับขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากปัจจุบันมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล อัตรา 5 ต่อลิตร แต่ ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินจัดเก็บเพียง 20 สตางค์ต่อลิตร จึงควรปรับให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น ส่วนการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารนั้นเป็นดุลยพินิจของแต่ละสายการบินในการแข่งขัน จึงจะไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศให้ลดลงอย่างแน่นอน