ประธาน ศยธ. ลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มคดีครูจอมทรัพย์ ยืนยันวันเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ จ.สกลนคร
logo ข่าวอัพเดท

ประธาน ศยธ. ลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มคดีครูจอมทรัพย์ ยืนยันวันเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ จ.สกลนคร

4,477 ครั้ง
|
01 ก.พ. 2560
     ความคืบหน้าคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี  อดีตข้าราชการครู ชาว จ.สกลนคร  ตกเป็นจำเลยในคดีขับรถยนต์ชนนายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 75 ปี เสียชีวิตบริเวณถนน เขตบ้านสร้างเม็ก ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548  จนกระทั่งมีการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมถึง 3 ศาล ซึ่งมีคำพิพากษาให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 แต่หลังจำคุกได้ 1 ปี 6 เดือน ได้รับการอภัยโทษออกมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558  ภายหลังได้มีการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม  อ้างว่าตกเป็นแพะ ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม รับคำร้องรื้อฟื้นคดี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2559  และศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดสืบพยาน ทั้งผู้ร้อง และผู้คัดค้าน  ในระหว่างวันที่ 8 – 10 กุมภาพันธ์ 2560 นั้น
 
     ล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น. พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ประธานศูนย์รับเรื่องร้องเรียนผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม หรือ ศยธ. ได้ลงพื้นที่สืบพยานคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ตั้งแต่ไปโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ตำบลด่านม่วงคำ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จากนั้นไปที่บ้านเม็ก ตำบลท่าลาด อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุและบ้านของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ แล้วกลับมาที่สำนักงานขนส่งสกลนคร ศูนย์ฮอนด้าสกลนคร ร้านเสริมสวยเขตเทศบาลนครสกลนคร จึงได้ข้อสรุปออกมาเป็นจิ๊กซอว์ดังนี้
 
     ในช่วงเช้าวันที่ 11 มีนาคม 2548 มีพยานครูโรงเรียนเดียวกันยืนยันการปฏิบัติงาน จากหลักฐานบันทึกเวรครูโดยเห็นครูมาตั้งแต่เช้าและพาเด็กนักเรียนเข้าแถวและเข้าสอน ก่อนจะมีการขออนุญาตลากิจจากผู้อำนวยการโรงเรียนไปทำธุระที่ขนส่งสกลนครในช่วงบ่าย โดยมีเอกสารการจดทะเบียนโอน รถกระบะโตโยต้า ไฮลักค์ ไมตี้เอ็กซ์ สีบอร์นทอง บค 56 สกลนคร ระหว่าง นายประพัฒน์ แสนเมืองโคตร ในวันที่ 11 มีนาคม 2548 จริง ซึ่งใช้เวลาในการตรวจสภาพและดำเนินการด้านเอกสาร กระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น.นางจอมทรัพย์ ได้เดินทางด้วยรถที่มีการซื้อขายกันแล้วไปที่ศูนย์ฮอนด้าสกลนคร เพื่อจองรถ ฮอนด้าซิตี้ รุ่นผลิตในปี 2000 โดยมีข้อมูลเอกสารการจองของศูนย์ฮอนด้าวันที่ 11 มีนาคม 2548 เลขเครื่องตรงกันกับนางจอมทรัพย์ที่ได้ไปจดทะเบียนรถที่ซื้อไปจากการจอง
 
     หลังจากใช้เวลาจองรถได้เดินทางออกจากศูนย์ฮอนด้าไปยังร้านเสริมสวยปองบิวตี้เขตเทศบาลนครสกลนคร ในเวลาประมาณ 17.00 น. มีการนั่งรอคิวเกือบ 1 ชั่วโมงใช้เวลาในการสักคิ้ว 45 นาที โดยเจ้าของร้านปองบิ้วตี้ยืนยันว่า คิ้วที่สักให้นางจอมทรัพย์ เป็นแบบของทางร้านจริงเพราะเป็นเอกลักษณ์ทางร้าน มีการคิดเงินกับนางจอมทรัพย์ในราคา 1,000 บาท ซึ่งตรงกันกับคำให้การของนางจอมทรัพย์ว่าจ่ายเงิน 1,000 บาทในการสักคิ้ว หลังจากใช้เวลาอยู่ร้านปองบิ้วตี้นานเกือบ 2 ชั่วโมง กระทั่ง เวลาประมาณ 18.40 น.จึงออกจากร้านมีการแวะตลาดเพื่อซื้อชุดให้หลานและซื้อกับข้าวก่อนเดินทางกลับถึงบ้านพักที่บ้านม่วงไข่ในเวลา 20.10 น.
 
     พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ประธาน ศยธ.กล่าวว่า มีความมั่นใจจากพยานบุคคลรวมถึงเอกสารที่ได้มา มั่นใจว่าวันที่เกิดเหตุ 11 มีนาคม 2548 เวลา 19.50 น.นางจอมทรัพย์ อยู่ที่สกลนคร ส่วนรถที่ชนเป็นคนละคันกัน โดยมีการจำลองการเดินทางด้วยความเร็ว 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เผื่อรถติดแยกไฟแดงหรือพลบค่ำ ว่าหากจะเดินทางออกจากร้านปองบิวตี้ ไปที่เกิดเหตุที่บ้านเม็ก ตำบลท่าลาด อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ในระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร โดยพบว่าต้องเดินทางเกือบ 2 ชม. หากมองว่านางจอมทรัพย์ ออกจากบ้านพักที่บ้านม่วงไข่แล้วไปที่เกิดเหตุยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะนางจอมทรัพย์ทำธุระจนพลบค่ำ อยู่ในเขตเทศบาลนครสกลนคร 
 
     ที่สำคัญรถคันก่อเหตุขับมุ่งหน้ามาจาก อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มุ่งหน้ามาทางสกลนครยิ่งขัดแย้งกัน ที่ทำให้มั่นใจที่สุดคือ จากพยานทั้ง 2 คนที่เห็นเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุระบุชัดว่า คนขับเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง เห็นทะเบียนแค่ บค 56 หรือ บต 56 ส่วนหมวดอักษรมองไม่เห็น และรถคันที่ชนมีแค็บหรือหลังคากระบะ ขัดกันกับรถนางจอมทรัพย์ ที่ทำการโอนที่ขนส่งสกลนคร ระบุรถอยู่ในสภาพปกติไม่มีการดัดแปลงหรือต่อเติม เป็นรถกระบะไม่มีหลังคาเพราะหากมี ในระเบียบจะต้องมีการระบุว่ารถมีการต่อเติมหลังคาหรือไม่ จากหลักฐานที่ขัดกันจึงเชื่อได้ว่าวันเกิดเหตุรถกระบะ โตโยต้าไฮลักค์ ไมตี้เอ็กซ์ สีบอร์ทอง บค 56 สกลนคร เป็นรถคนละคันกันกับคันที่ก่อเหตุ ส่วนนางจอมทรัพย์ ก็อยู่ที่บ้านพักพร้อมครอบครัวในช่วงเวลาเกิดเหตุอย่างแน่นอน
 
     "ตอนนี้ค่อนข้างชัดแล้วว่า วันเวลาที่เกิดเหตุนางจอมทรัพย์อยู่ที่ไหน ทางมูลนิธิฯของเราได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงว่านางจอมทรัพย์ ทำอะไรที่ไหน และจะนำข้อมูลทั้งหมดของวันนี้ไปช่วยเพิ่มน้ำหนักในการหักล้างในเรื่องต่างๆที่ยังเป็นข้อสงสัยกับสังคมอยู่หลายเรื่อง ยืนยันว่ามาวันนี้ไม่มีการเตรียมการใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริงให้ตรงกันมากที่สุดต้องรอว่า 8-10 กุมภาพันธ์นี้ ศาลท่านจะพิจารณาอย่างไรนั้นก็สุดจะแล้วแต่ ไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่มั่นใจว่านางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ไม่ได้กระทำผิดจริง" พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย