ผบ.ตร.จี้ท้องที่ดำเนินคดี หลังเห็นคลิปกราบรถกู ระบุแค่รถชน ไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกาย รองโฆษกตำรวจชี้คลิปชัดทำร้ายฝ่ายเดียว หาหลักฐานก่อนหลังเกิดเหตุ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เผย จยย.รับ ชนแล้วหนี ดำเนินคดีแล้ว ด้านน็อต ตร.รอหลักฐานแพทย์ก่อนแจ้งข้อหา ลุ้นแค่ปรับ หรือถึงคุก
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.59 พล.ต.ต.ทรงพล วัธนชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนระหว่างรถยนต์มินิสีเหลืองกับรถจักรยานยนต์ โดยปรากฏคลิปกระชากทำร้ายร่างกายและบังคับให้กราบรถ ระหว่างนายอัครณัฐ หรือน็อต อริยฤทธิ์วิกุล หรือที่รู้จักกันในวงการบันเทิงคือ “น็อต เวคคลับ” พิธีกรรถโรงเรียน ทางช่องจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ 25 กับนายกิตติศักดิ์ หรือบอย สิงโต อายุ 25 ปี อาชีพฝ่ายคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตลิ่งชัน ที่ต่อมาพบว่านายกิตติศักดิ์ได้รับบาดเจ็บ โดยโลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อวิพากษ์วิจารณ์คลิปเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง จนเกิดวลี “กราบรถกู” ว่า กรณีนี้ตนได้กำชับตำรวจ สน.ยานนาวา ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยเมื่อวานนี้หลังจากมีคลิปเผยแพร่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการตรงมาที่ตนให้เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ
“ผบ.ตร.เห็นคลิปแล้ว รับไม่ได้ เห็นว่าเป็นคดีจราจรปกติ อุบัติเหตุบนท้องถนนเล็กน้อยแต่กลับปรากฏการทำร้ายร่างกายกันตามที่เห็น ก็รับไม่ได้ ดูเป็นการใช้อารมณ์และไม่มีสิทธิทำขนาดนั้น จึงสั่งกำชับให้ดำเนินการโดยเร็วตามกฎหมาย ซึ่งผมเองเห็นแล้วก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าการดำเนินคดีหรือแจ้งข้อหาอะไรก็ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐาน ไม่เกี่ยวกับกระแสสังคม จากที่ผมเห็นคลิปที่มีแพร่กัน ก็เห็นว่ามีการกระชากกันพาข้ามถนน มีการทำร้ายกัน 3 ช็อต เท่าที่เห็นไม่มีการตอบโต้ ต่อสู้ เห็นการทำร้ายฝ่ายเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดี พิจารณาแจ้งข้อหาไม่สามารถตัดสินได้จากคลิปเดียว มุมเดียว เรื่องนี้มีประจักษ์พยานจำนวนมาก พนักงานสอบสวนต้องเรียกมาด้วย เพื่อดูว่าก่อนและหลังจากในคลิปเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดอื่นๆ เพื่อประกอบหลักฐาน ทั้งนี้ เรื่องนี้ผมมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุจราจร ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติบนท้องถนน เกิดอะไรให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ขอให้คุมอารมณ์ อย่าใช้อารมณ์อย่างกรณีนี้ เรื่องแบบนี้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ อย่าพิพากษาเอง” รองโฆษกตร.กล่าว
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เรื่องนี้แบ่งการดำเนินคดีเป็น 2 ส่วน 1.คือการเฉี่ยวชน ซึ่งสอบปากคำนายกิตติศักดิ์ รับว่าเฉี่ยวรถของนายน็อตจริงแล้วหนีไป นี่คือสิ่งที่เขารับว่าหนีไป และพฤติการณ์ก็ชัดคือชนที่แยกบางรักและตามกันมาอีกจุด ส่วนรถแท็กซี่อีกคันนั้นตนไม่ทราบว่ามีการพูดถึงหรือไม่ แต่จากจุดนี้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ในความผิดที่เฉี่ยวชนแล้วไม่แจ้งเจ้าหน้าที่แก่นายกิตติศักดิ์ โดยยึดรถทั้ง 2 คันที่เป็นคู่กรณีกันตรวจสภาพเพื่อประกอบหลักฐานที่ กก.3 บก.จร. คาดว่าวันนี้จะทราบผล
รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนที่ 2.กรณีมีเหตุทำร้ายร่างกายกัน ที่ชัดเจนคือนายกิตติศักดิ์ได้รับบาดเจ็บ มีคลิปนายน็อตทำร้ายนายกิตติศักดิ์ ขณะนี้พนักงานสอบสวนส่งตัวนายกิตติศักดิ์ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเลิดสิน หากพบว่าบาดเจ็บสาหัสก็แจ้งข้อหาอาญา มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และต้องดูด้วยว่าพฤติการณ์มีการข่มขืนใจหรือหน่วงเหนี่ยวอย่างไรหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็แจ้งข้อหาเพิ่มด้วย ตรงนี้ในการทำร้ายร่างกายต้องดูพยานหลักฐานที่ปรากฏ ต้องดูว่าหากดั้งจมูกหัก ต้องรักษานานเพียงใด เข้าข่ายเจ็บสาหัสหรือไม่ แต่หากไม่ถึงขั้นสาหัส เป็นเพียงการทำร้ายร่างกายก็เป็นข้อหาลหุโทษ โทษปรับ 1,000 บาท ทั้งนี้ แม้ว่าฝ่ายหนึ่งจะเป็นคนมีชื่อเสียง หรือมีทนายความมาด้วยก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี ทุกอย่างยึดกฎหมาย พบพฤติกรรมเข้าข้อกฎหมายใดก็แจ้ง ไม่เข้าหลักฐานไม่มีก็ไม่แจ้งข้อหานั้น
+ อ่านเพิ่มเติม