ญาติถ่ายคลิปกระบะไม่หลีกทางให้รถฉุกเฉินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต ขับแซงไม่ได้-ซ้ายถนนพุพัง ต้องขับตามกว่า 4 กิโล
logo ข่าวอัพเดท

ญาติถ่ายคลิปกระบะไม่หลีกทางให้รถฉุกเฉินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต ขับแซงไม่ได้-ซ้ายถนนพุพัง ต้องขับตามกว่า 4 กิโล

31,714 ครั้ง
|
03 ต.ค. 2559
     ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปวีดีโอ ซึ่งถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ ของญาติผู้ป่วยรายหนึ่ง ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ชาว อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เป็นภาพรถยนต์คันหนึ่งที่ไม่ยอมหลีกทางให้รถผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่กำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยชราที่อยู่ในอาการวิกฤต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
 
     โดยญาติผู้ป่วยระบุว่า ขณะที่รถฉุกเฉินของ รพ.สังขะ กำลังนำตัวผู้ป่วยสูงอายุ อายุประมาณ 70 กว่าปี ซึ่งอยู่ในอาการป่วยขั้นวิกฤติ กำลังถูกนำตัวส่งต่อยังโรงพยาบาลสุรินทร์ ระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร อย่างเร่งรับ โดยมีลูกหลานและญาติขึ้นรถฉุกเฉินมาด้วย เพื่อติดตามอาการด้วยความเป็นห่วง ระหว่างที่รถฉุกเฉิน เดินทางมาถึงถนน 4 เลน บริเวณเลยปั๊มน้ำมัน ปตท.สลักได ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ มาเล็กน้อย ก็พบกับรถยนต์กระบะ ยี่ฮ้อ อีซูซุ 4 ประตู สีน้ำเงิน ไม่เปิดเผยหมายเลขทะเบียน วิ่งอยู่เลนขวา โดยไม่ยอมหลีกทางหรือหลบซ้ายให้รถผู้ป่วยฉุกเฉิน แม้ว่ารถฉุกเฉินจะพยายามส่งสัญญาณเปิดไฟขอทางแล้วหลายครั้งก็ตาม ก็ไม่เป็นผล ประกอบกับถนนเลนซ้าย ก่อนเข้าตัวเมืองดังกล่าว เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดเส้นทางหลายกิโลเมตร ซึ่งผู้ที่สัญจรบนถนนดังกล่าวจะทราบดีว่าถนนเส้นนี้ มีปัญหาเรื่องพุพังเป็นหลุมเป็นบ่อมานาน ตั้งแต่สร้างถนนเสร็จใหม่ๆก็มีปัญหามานักต่อนักและเกิดอุบัติเหตุบ่อย โดยเฉพาะกับผู้ขับขี่รถจักรยายนต์ ถึงแม้จะมีการปะถนนซ่อมแซม แต่ก็ไม่เรียบนัก
 
     ทำให้รถผู้ป่วยฉุกเฉิน ไม่สามารถแซงซ้ายได้ เพราะเกรงจะเกิดอันตรายและสะเทือนถึงอาการผู้ของป่วยได้ จนต้องขับตามมาอีกกว่า 3 กิโลเมตร จนถึงบริเวณ 4 แยกเลี่ยงเมืองไอคิว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งถนนเริ่มดีขึ้น รถผู้ป่วยฉุกเฉินจึงเบี่ยงซ้ายแซงรถยนต์ที่เห็นแก่ตัวคันดังกล่าวออกไป และรีบไปส่งผู้ป่วยต่อที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU
 
     จึงได้ตัดสินใจนำคลิปวีดีโอดังกล่าวให้สื่อมวลชนนำเสนอนั้น เพื่อสะท้อนให้เห็นผู้ขับขี่รถยนต์บางคนที่ไม่ยอมหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉิน ซึ่งอยากให้สังคมในประเทศไทยมีน้ำใจ เมื่อพบเห็นรถฉุกเฉิน กรุณาช่วยกันหลีกทางให้รถฉุกเฉินด้วย อย่างน้อยจะได้ย่นระยะเวลาการเดินทางของรถฉุกเฉิน เวลาแค่เสี้ยวนาที อาจเป็นเวลาชีวิตที่สำคัญที่สุดของผู้ป่วยหนักคนๆหนึ่งก็เป็นได้ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง