ปลอด โพสต์ภาพ ซุปเปอร์ฮีโร่ชวนเลือกตั้งตามหลักปชต.
logo ข่าวอัพเดท

ปลอด โพสต์ภาพ ซุปเปอร์ฮีโร่ชวนเลือกตั้งตามหลักปชต.

7,103 ครั้ง
|
24 ธ.ค. 2556

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (23 ธ.ค.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความลงใน Facebook ส่วนตัว เกี่ยวกับหลักประชาธิปไตยที่ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และวิจารณ์คนที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง

 

พร้อมกับรูปภาพ ประชาชน หลากหลายอาชีพ เปรียบเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่พร้อมออกไปเลือกตั้ง โดยยืนอยู่ท่ามกลางมือตบ หน้ากากขาว และ นกหวีด และภาพนี้ก็ถูกวิจารณ์ว่าลอกแบบมาจากภาพวาดซุปเปอร์ฮีโร่ของต่างประเทศ มีเนื้อหาดังนี้

 

 

อยู่ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ดวงหนึ่ง

 

ก่อนจะพูดเรื่อง 1 คน 1 เสียง คงต้องถกกันก่อนว่า “ คน ” สำคัญต่อความเป็นชาติอย่างไร ในอดีตกาลประเทศผู้ชนะจะริบคน คือเอาผู้คนของฝ่ายแพ้มาเป็นเชลย เอามาเป็นทาสรับใช้ เอามาเป็นข้าบาทบริจาริกา เอาเชลยมาก่อสร้างทำคูคลอง เช่น ทัพไทยกวาดต้อนมอญมาอยู่ปากลัด (สมุทรสงคราม) กวาดต้อนชาวลาวจากเวียงจันทร์มาอยู่ราชบุรี ย้ายผู้คนจากปัตตานีมาอยู่คลองแสนแสบ เอาเขมรมาอยู่ระยอง เป็นต้น ถามว่าไปกวาดต้อนมาทำไม คำตอบคือ เป็นกลยุทธ์ทำลายชาติ ลดประชากรศัตรูทำให้ข้าศึกอ่อนแอและสุดท้าย คือ เป็นการแสดงการดูถูกซึ่งหน้า เพื่อเหยียบย่ำหัวใจ ให้ประจักษ์เสียเลย

 

ทีนี้ มามองไปให้ไกล ถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มาจากคนที่อพยพเข้าไปสร้างชาติ กว่าจะได้ประชาธิปไตยมาก็มีการต่อสู้ จนถึงขนาดต้องทำสงครามกลางเมือง มีคนตายนับล้านคน กว่าจะได้มาซึ่งสิทธิเท่าเทียมกันระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวสี และต้องต่อสู้ อย่างต่อเนื่องยาวนานถัดมาอีกนับร้อยปี ถึงในปี 1961 จึงมีนักศึกษาผิวสีคนแรก ในมหาวิทยาลัย เรื่องราวเหล่านี้ เกิดขึ้นทั่วโลก ที่ผู้คนออกมาเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมกันในความเป็นคน

 

ในเมื่อ คน หรือ ประชาชน มีความสำคัญ เพราะมีความเป็นหน่วยของชาติ ดังนั้น ทุกชาติประเทศ (ยกเว้นประเทศไทยขณะนี้) จึงให้เกียรติคนของเขา ให้สิทธิคนของเขา ยกย่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยกความเป็นคนของเขาให้เท่าเทียมกัน ให้ความเสมอภาค หรือกล่าวโดยสรุปคือ สร้างสังคมประชาธิปไตย ที่มีระบอบการปกครองแบบประชาชนเป็นใหญ่ขึ้นมา เห็นหรือยังว่า “คน” มีความสำคัญ สังคมสมัยนี้จึงนำคนมาวัดกัน

 

 

เช่น วันนี้ม็อบมีถึง 5 ล้านแล้ว(จ้า) วันนี้ม็อบมามากเป็นมหาประชาชน คนของพวกฉันสำคัญกว่าคนของพวกคุณ(มึง) ผมคิดว่า หากเราเอาคนมาเป็นมาตรวัดแบบนี้ คน คงจะไม่ใช่ มนุษย์ แต่เป็นสิ่งของ (Subject) กระมั้ง ซึ่งผมคงไม่ยอมเพราะภาษาอังกฤษเขาเรียกสรรพนามคนว่า He She ไม่ใช่ It ผมไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด ว่าคนไม่เท่าเทียมกัน หากจะอธิบายแบบวิทยาศาสตร์ โดยไม่ขอกวนประสาท ผมจะค่อยๆอธิบาย ดังนี้

 

1. เพศหญิงกับเพศชายต้องเท่ากัน : เพศหญิงต้องเท่าเทียมกับเพศชาย เพราะถ้ามีเพียงเพศเดียวก็จะไม่มีการขยายเผ่าพันธุ์ ชาติก็เกิดไม่ได้ (คนแบบอาจารย์ ส. ก็มีเสียงเหมือนกัน แต่มีหนึ่งเสียงเท่าคนอื่น ไม่ได้มีเสียงมากกว่าคนอื่นนะครับ)

 

2. เด็กกับคนแก่ ต้องเท่ากัน : เพราะต่างก็มี 1 เสียง หากไม่มีเด็ก ก็ไม่มีผู้ใหญ่ ในทางตรงกันข้ามไม่มีผู้ใหญ่ ก็ไม่มีเด็ก ไม่มีใครเกิดมาปุ๊บแล้วเดินหรือวิ่งได้ทันทีหรอกครับ (ยกเว้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) แต่สำหรับเด็กเขาให้ออกเสียงเลือกตั้งที่อายุ 18 เพราะเห็นว่าโตพอ มีวุฒิภาวะและสามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้แล้ว

 

3. คนมีการศึกษาน้อยกับคนมีการศึกษามากต้องเท่ากัน : การศึกษาต้องค่อยๆ เรียนรู้ครับ ผมจบมัธยมศึกษาแล้ว จึงเข้ามหาวิทยาลัยและค่อยๆ เรียนจนจบ ปริญญาตรี โท และเอก ไม่ใช่ว่าเกิดมาปุ๊บแล้วจบปริญญาเอกนะครับ แต่ไม่ว่าจะมีปริญญาหรือไม่ ก็มนุษย์เหมือนกันนี่แหละครับ แล้วพวกคุณมาแบ่งสิทธิ์ตามวุฒิได้อย่างไร คุณรู้หรือว่าเค้าจะเรียนต่ออีกหรือไม่ เพราะคนเราเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ไม่จำกัดว่าต้องเรียนมหาวิทยาลัยแล้วจะมีความรู้ คนจบดอกเตอร์ไถนาไม่เป็นก็มีเยอะนะครับ ดังนั้น เขาจึงบอกว่าคุณจะจบประถมศึกษา (ภาคบังคับ) หรือจบปริญญาเอก ก็ต้องมีสิทธิ มีเสียงเท่ากัน มีความเสมอภาค และมีสิทธิทางการเมืองเท่าเทียมกัน

 

4. คนต่างอาชีพกันต้องเท่ากัน : เรียนกฎหมายเป็นทนาย หากชาวนา กรรมกรไม่ทะเลาะกันก็ไม่เกิดคดี แล้วทนายจะทำอะไรกิน เรียนแพทย์เป็นหมอรักษาโรค ปรากฏว่าประชาชนไม่ยอมป่วย แล้วแพทย์จะไปรักษาแล้วเก็บเงินกับใคร (อย่าตอบว่าเออดีจะได้มีเวลาไปเดินขบวนนะครับ) พวกเราทั้งหลาย หากไม่มีชาวนามาปลูกข้าวให้กิน เราคงต้องเป็นฝรั่ง กินขนมปังกับลาบก้อยนะครับ ในเมื่อเป็นคนเหมือนกัน อาชีพทุกอย่างสำคัญเท่ากัน มีความสอดคล้องต่อเนื่องกัน ทุกอาชีพจึงต้องเท่ากัน มีกันคนละเสียงครับ (ถ้าไม่จริงเถียงมาเลย)

 

5. คนต่างจังหวัดกับคนกรุงเทพฯ (เมืองฟ้าอมรฯ) ต้องเท่ากัน : จอมพลสฤษดิ์ เป็นคนอีสานน่ะครับ จอมพลถนอม ก็เป็นคนจังหวัดตาก ในขณะที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และ ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นคนกรุงเทพฯ แต่ทุกท่านก็เป็นคนไทย สำหรับท่านทักษิณและท่านยิ่งลักษณ์ ก็เป็นชาวเหนือ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร (พวกคุณมีปัญหาอะไรเหรอ) ข้อเท็จจริงเหล่านี้ย่อมประจักษ์ชัดเจนว่า ไม่ว่าผู้ใด ที่เกิดหรือเติบโต มาจากแห่งหนตำบลใดของประเทศไทย ย่อมเป็นคนไทยเหมือนกันหมด มีความเสมอภาค มีความเท่าเทียมกันในฐานะคนไทยเจ้าของประเทศ การที่มีบางคนถือว่าตัวเองมีการศึกษามาก (ซึ่งก็ไม่ได้มากไปกว่าผม) ไปดูถูกคนต่างจังหวัด จึงเป็นเรื่องที่ทุเรศ รับไม่ได้ (โว้ย)

 

หน้าที่ของผม ต้องทำงานเดินทางไปต่างจังหวัดตลอดเวลา ผมขอเตือนว่าขณะนี้คนในต่างจังหวัด (ที่พวกคุณเรียกเขาว่าชาวชนบท) รู้สึกอึดอัด และโกรธแค้นพวกคุณมาก ที่ไปดูถูกเขา เขาเป็นคนนะครับ เขาเป็นไทนะครับ เขาไม่ใช่ขี้ข้าใคร พวกเขาบอกผมว่า "หากดูถูก ดูแคลนกันแบบนี้ ก็แยกกันอยู่เสียเลยจะดีกว่า เขายินดีร่วมอยู่ร่วมสังคมกันเองตามวิธีของเขา" (อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวขวานจะบิ่น) แต่พวกคุณจะเอาอะไรกิน เพียงแค่วันสงกรานต์หยุดหลายวัน คุณก็ลำบากต้องดูแลบ้านเอง ทำอาหารเอง เลี้ยงลูกเอง พวกคุณจะอยู่รอดได้เหรอ

 

ผมขอย้ำนะครับว่า เราทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ

และความเท่าเทียมกันในความเป็นคน

คนเรา 1 คน 1 เสียง เท่ากัน มารักษาประชาธิปไตย

แสดงออกถึงความเป็นคนที่เท่ากันของพวกเราครับ

 

------------------

 

ปล. มีคนท้วงว่าเหมือนภาพมาเวล ก็ทีมงานผมเป็นแฟนคลับตัวยง หนังผมก็เคยดูมาครับ สนุกดี แรงบันดาลใจของภาพนี้ก็ได้มาจากมาเวลนั้นแหละครับ ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองเป็นฮีโร่ เพราะทุกคน ทุกอาชีพ เราเป็น hero เท่ากันในระบอบประชาธิปไตยครับ

 

ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์นั้นน้องๆทีมงานบอกว่านี่ถือเป็นการล้อเหมือนที่ฝรั่งเรียกว่า พาโรดี้ ไม่ได้ใช้เพื่อการค้า และหากมาเวลติดต่อมาผมก็พร้อมจะทำหนังสือขออนุญาตอย่างเป็นทางการครับ