นานาชาติพากันให้ความช่วยเหลืออพยพพลเรือนออกจากซูดานใต้ หลังการปะทะระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฏส่อเค้ารุนแรง และอาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 500 คน
การปะทะกันระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฏที่นำโดยโดยอดีตรองประธานาธิบดีรีเยค มาชาร์ ได้กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และอาจส่อเค้ารุนแรงถึงขั้นกลายเป็นสงครามกลางเมืองรอบใหม่ในซูดานใต้ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 35,000 คน ต้องลี้ภัยไปยังค่ายของสหประชาชาติ
ขณะที่รัฐบาลอูกันดาและเคนย่า ซึ่งมีพรมแดนติดกับซูดานใต้ ต่างส่งกำลังทหาร เข้าช่วยเหลือพลเรือนในการอพยพออกจากพื้นที่ รวมไปถึงรัฐบาลอังกฤษได้ส่งเครื่องบินเพื่อไปรับประชาชน เช่นเดียวกับสหรัฐฯได้ส่งเครื่องบิน 3 ลำ ไปยังซูดานใต้ แต่ถูกโจมตีจากภาคพื้นดินระหว่างบินอยู่เหนือน่านฟ้าซูดานใต้
ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน และอาจทำให้แผนการอพยพประชาชนต้องล่าช้าออกไป ทั้งนี้ มีรายงานว่า พื้นที่ที่เครื่องบินสหรัฐถูกโจมตี อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏ
ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐ ออกมาเตือนว่า การยึดอำนาจโดยใช้กำลัง จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและประชาคมโลก ด้านนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้ส่งผู้แทนพิเศษเดินทางไปยังซูดานใต้แล้ว และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติความรุนแรง และใช้การเจรจาเพื่อหาทางออก
ขณะที่นายบัน คี มุน เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้รัฐบาล กองทัพ และกลุ่มกบฏ ยุติการใช้ควมรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังว่าการใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ความรุนแรงครั้งล่าสุดในซูดานใต้ เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีซัลวา คีอีร์ ปลดรัฐมนตรีทั้งคณะ รวมถึงรองประธานาธิบดีรีเยค มาชาร์ และนำมาซึ่งความพยายามในการก่อรัฐประหารเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว จนนำมาสู่ความรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 500 คน