รักษาการนายกฯ แถลงเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง แนะรัฐบาลใหม่ยกการปฏิรูปประเทศเป็นวาระแห่งชาติ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจจาก จ.กาฬสินธุ์ ความว่า หลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ซึ่งกำหนดวันเลือกตั้งไว้ในวันที่ 2 ก.พ. 57 แล้วนั้น รัฐบาลขอยืนยันเจตนารมณ์ ที่ต้องการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ และปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้วยการให้ประชาชน มีสิทธิ มีเสียงทั่วประเทศ และมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน เป็นผู้กำหนดทิศทางของประเทศ และร่วมกันหาทางออกจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง ภายใต้กรอบกติกาประชาธิปไตย อันเป็นที่ยอมรับของสากล
ในขณะเดียวกัน จากเวทีการระดมความคิดเห็นต่างๆ รัฐบาลมีความเห็นที่สอดคล้องว่า การดำเนินการปฏิรูปประเทศ ทั้งในมิติของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมนั้น มีความจำเป็น ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะร่วมในการผลักดัน และสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปที่สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง
รัฐบาลขอยืนยันด้วยว่า กระบวนการปฏิรูปประเทศนั้น สามารถที่จะดำเนินการคู่ขนานกันไป โดยไม่ขัดแย้งกับกระบวนการเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย ตรงกันข้ามกลับเป็นความจำเป็น ที่การเลือกตั้งจะต้องเดินหน้า ด้วยเหตุผลที่เมื่อมีฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นตัวแทนของประชาชนแล้ว กลไกรัฐสภาจะต้องเป็นกลไกหลักที่จะขับเคลื่อนให้ข้อเสนอการปฏิรูปต่างๆเป็นจริงขึ้นมาได้
ด้วยแนวคิดดังกล่าว รัฐบาลเห็นว่าเพื่อให้ประชาชน มีความมั่นใจว่าหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. 57 แล้ว สภาผู้แทนราษฏรและคณะรัฐมนตรีที่เกิดขึ้นใหม่ จะต้องกำหนดให้การปฏิรูปประเทศเป็นวาระแห่งชาติ จึงมีข้อเสนอเพื่อดำเนินการตามลำดับดังนี้
1. พรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกลงรับเลือกตั้งคราวนี้ พร้อมทั้งองค์กรหรือภาคีอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้สัตยาบันว่าหลังจากสภาผู้แทนราษฎร์และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว จะมีการจัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทยขึ้นทันที
2. การจัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทย จะประกอบด้วยตัวแทนจากองค์กรวิชาชีพหรือสถาบันต่างๆ ที่มีกฎหมายรองรับ พรรคการเมืองทุกพรรค รวมถึงที่ประชุมที่แม้มิได้มีกฎหมายรองรับแต่มีบทบาทที่สำคัญของประเทศเช่น ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ที่ประชุมปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการ หรือองค์กรอื่นๆในลักษณะที่เทียบเคียงกันได้ ตลอดจนตัวแทนของกลุ่มวิชาชีพทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ รวมถึงกลุ่มที่มีความคิดเห็นทางการเมืองสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตาม
3. สภาปฏิรูปประเทศไทยสมควรมีวาระการทำงานไม่เกิน 2 ปีและมีหน้าที่สำคัญ คือการจัดทำและเสนอกลไก เพื่อปฏิรูปประเทศไทยในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปการเมือง ให้การเมืองในอนาคต สามารถเป็นปากเสียงแทนประชาชนได้อย่างแท้จริง
ข้อเสนอของรัฐบาลดังกล่าว เป็นข้อเสนอเบื้องต้นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้ฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง นักวิชาการ นักธุรกิจ และพี่น้องประชาชนทุกคน ได้ถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและเสนอแนะเพื่อปรับปรุงให้กลไกเฉพาะกิจดังกล่าวเกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุด และนำไปสู่การปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง รัฐบาลหวังว่าเวทีต่างๆ จะได้นำข้อเสนอของรัฐบาลไปพิจารณา และมีข้อแนะนำกลับมายังรัฐบาล
ทั้งนี้รัฐบาลตั้งใจไว้ว่า หากทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน กระบวนการปฏิรูปจะเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด รัฐบาลขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคน เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ เพราะเป็นอนาคตของปวงชนชาวไทยทุกคน และรัฐบาลเชื่อว่าหากพี่น้องคนไทยร่วมมือร่วมใจกัน เราจะหาทางแก้ไขวิกฤตทางการเมือง และนำความสงบสันติกลับมาสู่ประเทศชาติของเราทุกคน