ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร2016” รอบ 8 ทีมสุดท้าย คูที่ 3 เป็นเกมระหว่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ลงสนามพบ “อัซซูรี” อิตาลี ที่สต๊าด เดอ บ็อกโดซ์ เมืองบ็อดโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส
คู่นี้เหมือนเป็นการรีแมตช์ฟุตบอลยูโร 2012 รอบ 4 ทีมสุดท้าย เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเป็นอิตาลี ที่เฉือนชนะ เยอรมนี 2-1 จากการเหมาคนเดียว 2 ประตูของมาริโอ บาโลเตลลี โดยการเจอกันเฉพาะในรายการใหญ่ของทั้ง 2 ทีม ดวลกันมาทั้งหมด 8 ครั้ง เยอรมนีไม่เคยเอาชนะอิตาลีได้เลย ซึ่งอิตาลีเก็บชัยได้ 4 นัด และเสมอกันไป 4 นัด
เยอรมนี เอาชนะ สโลวาเกีย มา 3-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมนี้กุนซือโยอัคคิม เลิฟ จัดทัพในระบบ 3-4-3 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู มานูเอล นอยเออร์ กองหลัง เบเนดิก โฮเวเดส, มัตส์ ฮุมเมิลส์, เจอโรม บัวเต็ง โดยมี โยนาส เฮ็คเตอร์, โจชัว คิมมิช เป็น 2 วิงแบ็ก ส่วนกองกลางใช้ซามี เคดิร่า, โทนี โครส และ 3 แนวรุกใช้ โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, มาริโอ โกเมส
ด้าน อิตาลี โชว์ความเหนียวแน่นของแนวรับ เอาชนะสเปนมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2-0 เกมนี้กุนซืออันโตนิโอ คอนเต จัดทัพในระบบ 3-5-2 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน กองหลัง เลโอนาร์โด โบนุชชี, อังเดร บาซาญี, จอร์จิโอ คิเอลลินี โดยมี อเลสซานโดร ฟลอเรนซี, มัตเตีย เด ชิโญ เป็น 2 วิงแบ็ก ส่วนกองกลางใช้ สเตฟาโน สตูราโร, มาร์โค ปาโรโร่, เอ็มมานูเอล จั๊กเครินี และกองหน้าใช้ เอแดร์ มาร์ติน กับ กราเซียโน่ เปลเล่
เริ่มเกมเป็นเยอรมนีที่ครองบอลได้เยอะกว่า มีโอกาสลุ้นประตูขึ้นนำหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังทำอะไรแนวรับที่แข็งแกร่งของอิตาลีไม่ได้ โดยทีมอัซซูรี อาศัยจังหวะโต้กลับคอยเล่นงานแผงหลังอินทรีเหล็ก แต่ก็ยังไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังยังคงเป็นอินทรีเหล็ก ที่บุกเข้าใส่อิตาลีได้อย่างต่อเนื่อง จนนาทีที่ 65 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่โยนาส เฮ็คเตอร์ หลุดมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางมาให้เมซุต โอซิล วิ่งมายิงผ่านมือบุฟฟ่อนเข้าไป
พอได้ประตูขึ้นนำ เยอรมนี ก็ยังมีเกมที่ดีกว่า ครองบอลได้เยอะกว่าเหมือนเดิม แต่แล้วในนาทีที่ 78 อิตาลี มาได้จุดโทษจากการที่เจอโรม บัวเต็ง ไปทำแฮนด์บอล และเป็นโบนุชชีรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ให้อิตาลีตีเสมอ 1-1 หลังจากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบ 90 นาที เสมอกันไป 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างรัดกุม โดยเป็นอินทรีเหล็ก ที่ครองบอลบุกเข้าใส่อิตาลีได้มากกว่า แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบ 120 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษเพื่อหาผู้ชนะ
ในการดวลจุดโทษ ต้องดวลกันถึง 9 คน และเป็นอินทรีเหล็ก ที่ยิงได้แม่นกว่า เอาชนะในการยิงโทษไป 6-5 (ในเวลา 120 เสมอกัน 1-1) ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย รอพบผู้ชนะระหว่าง ฝรั่งเศส หรือไอซ์แลนด์ ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้