'ชไวนี่' ซัดปิดกล่อง 'อินทรีเหล็ก' เชือดนิ่มยูเครน 2-0

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2016” คืนวันที่ 12 มิถุนายน เป็นการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม เกมในกลุ่ม C ที่สต๊าด เดอ ปิแอร์-มูรอย เป็นการพบกันระหว่าง แชมป์โลกทีมปัจจุบัน “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี พบ ยูเครน

โยอัคคิม เลิฟ ยอดเฮดโค้ชทีมอินทรีเหล็ก จัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงเป็น 11 ตัวจริง มาในระบบ 4-2-3-1 ผู้รักษาประตูเป็นมานูเอล นอยเออร์ กองหลัง โจนาส เฮ็คเตอร์, สโกดราน มุสตาฟี, เจอโรม บัวเต็ง, เบเนดิกต์ โฮเวเดส โดยมี โทนี โครส, ซามี เคดิร่า คุมเกมแดนกลาง และใช้ จูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์, เมซุต โอซิล, มาริโอ เกิทเซ เป็น 3 ประสานแนวรุกทำเกมอยู่ด้านหลัง โธมัส มุลเลอร์ ที่ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

ด้าน มิกเฮล โฟเมนโค่ กุนซือทีมยูเครน ส่งแข้งที่ดีที่สุดลงเป็น 11 ตัวจริงเช่นเดียวกัน ในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู อังเดร ปิยาตอฟ กองหลัง อาร์เต็ม เฟเดตส์คีฟ, เอฟเกน คาเชริดี, ยาโรสลาฟ ราคิตสคีฟ, ยาเชสลาฟ เชฟคุก โดยมี เซอร์เกย์ ซีดอร์ชุค, ทาราส สเตปาเนนโก้ คุมเกมแดนกลาง และให้ อังเดร ยาร์โมเลนโก้, วิคตอร์ โควาเลนโก้, เยเฟน โคโนปลิอันก้า เป็น 3 แนวรุก ทำเกมอยู่ด้านหลัง โรมัน โซซูลย่า ที่ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า

เริ่มเกมทั้งสองทีมค่อนข้างสูสี แต่เป็นทีมแชมป์โลกที่ครองบอลได้ดีกว่า พยายามหาช่องเจาะแนวรับของยูเครน และในนาทีที่ 19 ก็มาประสบความสำเร็จ จากจังหวะลูกฟรีคิก สโกดราน มุสตาฟี กองหลังขึ้นมาโหม่งเข้าไปให้เยอรมนี ขึ้นนำ 1-0

หลังจากเสียประตู ยูเครน เป็นฝ่ายขึงเกมบุกเพื่อหาประตูตีเสมอ แต่ก็ยังทำอะไรแนวรับที่แข็งแกร่งของเยอรมนีไม่ได้ ประกอบกับมานูเอล นอยเออร์ นายประตูทีมอินทรีเหล็ก โชว์ซูเปอร์เซฟหลายครั้งช่วยให้เยอรมนีไม่เสียประตู ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0

ส่วนในครึ่งเวลาหลัง ยังเป็นอินทรีเหล็กที่ครองบอลได้เยอะกว่ายูเครน มีโอกาสทำประตูที่ 2 อยู่หลายครั้งแต่ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา

ช่วงท้ายเกมกลายเป็นยูเครนที่บุกเข้าใส่เยอรมนีเพื่อหวังประตูตีเสมอ แต่สุดท้ายทีมอินทรีเหล็ก ก็มาได้ประตูตอกฝาโลงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากจังหวะโต้กลับเร็ว เมซุต โอซิล หลุดมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนโยนเข้ามาอย่างแม่นยำให้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง วิ่งมาแปบอลเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม ก่อนจบเกม เยอรมนี ชนะ ยูเครน 2-0

สถานการณ์ในกลุ่ม C ขุนพลอินทรีเหล็ก นำจ่าฝูง มี 3 แต้มเท่ากับโปแลนด์ แต่ลูกได้เสียดีกว่า ส่วนยูเครน และไอร์แลนด์เหนือ ยังไม่มีแต้ม