ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 วันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ทีมชาติไทย ที่ดวลจุดโทษเฉือนชนะซีเรียมาในรอบที่แล้ว พบกับ จอร์แดน ที่เอาชนะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มา 3-1
เกมนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จัด 11 ตัวจริง คล้ายกับเกมแรกที่พบกับซีเรีย มีปรับเปลี่ยนแค่ 1 ตำแหน่งเท่านั้น โดยส่ง ประกิต ดีพร้อม ลงคุมแดนกลางแทน สรรวัชญ์ เดชมิตร ส่วนคนอื่นๆ ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง ธีราทร บุญมาทัน, อดิศร พรหมรักษ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ทริสตอง โด กองกลาง สารัช อยู่เย็น, ประกิต ดีพร้อม, ชนาธิป สรงกระสินธ์ ส่วน 3 แนวรุก ใช้งาน เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคง ทศไกร และธีรศิลป์ แดงดา
เริ่มเกมทั้งสองทีมผลัดกันครองบอลอย่างสูสี ไม่ค่อยมีจังหวะลุ้นประตูกันเท่าที่ควร เป็นทีมชาติไทย ที่ได้โอกาสยิงหลายครั้ง แต่ยังเจาะตาข่ายจอร์แดนไม่เข้า ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งเวลาหลัง ไทย แก้เกมมาได้ดีขึ้น เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่จอร์แดนได้มากกว่า และสุดท้ายความพยายามก็มาประสบความสำเร็จ ในนาทีที่ 53 มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
จอร์แดน พยายามบุกเข้าใส่ไทย เพื่อทวงประตูตีเสมอ แต่โดนไทยอาศัยจังหวะโต้กลับเร็วคอยเล่นงานแผงหลังจอร์แดน และก็เป็นไทย ที่มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากจังหวะโต้กลับเร็ว และเป็นเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ คนเดิม ยิงเข้าไป
หลังจากนั้น จอร์แดน พยายามเร่งเครื่องเพื่อทำประตูคืน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรแผงหลังทีมชาติไทยได้ จบเกม ไทย เอาชนะ จอร์แดน 2-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ สมัยที่ 14 ไปครองได้สำเร็จ
ขอบคุณภาพจาก : Thailand National Team Gallery
ราชมังคลากีฬาสถาน
ไทย
ทีมชาติไทย
บอลไทย
ฟุตบอลไทย
ซิโก้
เกียรติศักดิ์
ไทย
คิงส์คัพ
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน