พบศพ 'เสี่ยอู๊ด' ในโรงแรมกลางเมืองพิษณุโลก ทิ้ง จม.ตัดพ้อไร้คนจริงใจ
logo ข่าวอัพเดท

พบศพ 'เสี่ยอู๊ด' ในโรงแรมกลางเมืองพิษณุโลก ทิ้ง จม.ตัดพ้อไร้คนจริงใจ

54,373 ครั้ง
|
30 ต.ค. 2558
พบศพ เสี่ยอู๊ด-สิทธิกร บุญฉิม เซียนพระชื่อดัง เสียชีวิตในโรงแรมกลางเมืองพิษณุโลก พบทิ้งจดหมายลาตายตัดพ้อไร้คนจริงใจ
 
วันนี้ (30 ต.ค.58) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.อำนาจ อ่อนปาน ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุพบศพชายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 209 ชั้น 2 ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน จ.พิษณุโลก ตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องพักชั้น 2 พบผู้เสียชีวิตเป็นชายในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ลักษณะสภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น ทราบชื่อผู้เสียชีวิตเป็นเซียนพระชื่อดัง เสี่ยอู๊ดเหนือหัว หรือ นายสิทธิกร บุญฉิม อายุ 44 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 3322/137 ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานอย่างละเอียด โดยภายในห้องพบขวดน้ำดื่มโออิชิจำนวน 3 ขวด กระเป๋าเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิต และจดหมายสั่งลา วางไว้บนโต๊ะแต่งหน้า นอกจากนี้ ยังพบยา XIEMED (alprazolam) เป็นยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ใช้สำหรับรักษาอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับจำนวนมากในถุงพลาสติก กว่า 20 แผง และพบร่องรอยการแกะรับประทานไปแล้วจำนวน 10 แผง (แผงละ 10 เม็ด) และยาส่วนตัวของผู้เสียชีวิตเป็นยารักษาโรคมะเร็ง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ตรวจสภาพศพเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย จากการชันสูตรพบว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว แพทย์เวร ได้ให้ จนท.กู้ภัยข่าวภาพนำร่าง นายสิทธิกร ไปชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง ที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช 
 
 
จากการสอบถามเจ้าของโรงแรมดังกล่าวได้ความว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่งมาพักที่นี่เป็นครั้งแรก โดยมี นายสุรพันธ์ โหมดไทย เป็นผู้พามาเปิดห้องพัก โดยมาเปิดห้องพักตั้งแต่ วันที่ 21 ตุลาคม 2558 จากนั้น ได้ออกมาจากห้องพักและกินข้าวทุกวัน และจ่ายเงินห้องพักวันต่อวัน กระทั่งสามวันก่อน ได้บอกแม่บ้านว่า ไม่ให้ใครรบกวน จากนั้นก็เงียบหายไป กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 29 ตุลาคม 2558 นายสุรพันธ์ก็มาหาที่ห้องพัก เมื่อขึ้นไปเคาะห้อง กลับไม่มีเสียงตอบรับ จึงลงมาข้างล่างพบแม่บ้าน เพื่อขอโทรศัพท์ขึ้นไปแต่ก็ไม่มีคนรับ คิดว่านอนหลับแล้ว นายสุรพันธ์จึงกลับไป กระทั่งเช้านี้เวลาประมาณ 09.00 น. นายสุรพันธ์ก็กลับมาอีกครั้ง ตนและแม่บ้านพร้อมนายสุรพันธ์ จึงนำกุญแจสำรองไปเปิดห้องพัก และพบว่า นายสิทธิกร ได้เสียชีวิตไปแล้ว 
 
 
สำหรับ บันทึก หรือ จดหมายลาตายของเสี่ยอู๊ด ระบุว่า 
 
(ภูมิใจ) จากเด็กกำพร้ายากจน มีวุฒิ ม.3 ได้หาเงินช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา ก่อเกิดสาธารณะประโยชน์ เป็นวัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานศึกษา มหาวิทยาลัยสงฆ์ องค์กรการกุศล สงเคราะห์ผู้ยากไร้ อุปการะเยาวชนให้เล่าเรียน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์และเงินรวมๆ บริจาคไปกว่า 3,000 ล้านบาท กระจายอยู่ทั่วแผ่นดิน ทั้งที่คนรู้และไม่รู้
 
(เสียใจ) ที่หาเงินได้มากมาย แต่ไม่เคยเก็บสะสมสร้างฐานะ เพราะมัวแต่ช่วยผู้อื่น ไม่เคยช่วยพี่น้อง ช่วยสาธารณะจนตัวเองเดือดร้อน ผลตอบแทนกลับมาให้เสื่อมเสีย ไม่มีความดีและความจริงจากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือไป จะเป็นจริงอย่างถาวร "ดีชั่ว ถูกผิด ยึดติดใครไม่ได้"
 
(คำสั่ง) หากเสียชีวิตที่พิษณุโลก ให้น้องชายขึ้นมาจัดการศพ ทำการเผาทันที ไม่ให้จัดพิธีการใดๆ ไม่ให้บำเพ็ญกุศล เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องเดือดร้อน ไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมายุ่งยาก ที่สำคัญผมทำบุญไว้เยอะแล้ว ไม่มีใครจะทำบุญให้ผมได้เท่าที่ตัวผมทำตอนอยู่
 
ท้ายสุดฝ้ายบอกบุญ เชิญคนไทยไปบริจาคทรัพย์สินรับพระกริ่ง ซึ่งผมบริจาคไว้ 75 ล้านบาท ช่วยสร้างอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุระยะยาวของคณะแพทย์ศาสตร์ มช. นะครับ
 
ฝากคำคมข้อคิด จากบัณฑิต ม.3
"ดีที่สุด คือหยุดอยาก...ดียาก คือยากที่สุด"
 
ลงชื่อ สิทธิกร วันออกพรรษา ปี 2558
 
 
 
 
ทางด้านนายสุรพันธุ์ โหมดไทย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 7 ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก เพื่อนของเสี่ยอู๊ด ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองได้รู้จักกับผู้ตายมาตั้งแต่เมื่อปลายปี 2556 จากนั้นก็ได้ติดต่อกันเรื่อยมาจนกระทั่งล่าสุดผู้ตายได้ติดต่อตนเองผ่านไลน์ส่วนตัวว่าจะมาเที่ยวที่จังหวัดพิษณุโลก วันที่ 21 ต.ค. และมาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมืองพิษณุโลก ช่วงที่ผู้ตายมาพักอยู่นั้นตนเองก็แวะมาหาผู้ตายทุกวันโดยมีหน้าที่มารับไปทานอาหาร รับเสื้อผ้าไปซักทุกวัน จนกระทั่งที่เจอกับผู้ตายครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงบ่ายของ วันที่ 27 ต.ค. ผู้ตายได้ไลน์มาหาตนเองว่าให้มารับไปทานข้าว ตนเองได้ขับรถจักรยานยนต์มาจากร้านนมที่ตนดูแลอยู่ ช่วงเวลา 14.00 น. และไปทานอาหารที่ร้านส้มตำปูเสื่อ  ห่างจากที่พักประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะกลับมาส่งที่ห้องพัก หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งกลางดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนเองเห็นว่าผู้ตายได้เงียบหายไป จึงได้มาหาที่ที่พัก ขึ้นไปเคาะประตูห้องพักแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้กลับมาติดต่อที่เคาท์เตอร์เพื่อให้โทรศัพท์ขึ้นไปที่ห้องพัก
 
สำหรับ 'เสี่ยอู๊ด' นายสิทธิกร บุญฉิม เคยตกเป็นข่าวดังกับ ฟิล์ม รัฐภูมิ พระเอกที่เป็นน้องรัก เพราะเจ้าตัวพาไปเที่ยวและทำบุญต่างประเทศ รวมถึงมอบของขวัญเป็นตึกแถวและรถมินิคูเปอร์ และเมื่อปี 2551 นายสิทธิกร ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก ฐานฉ้อโกงประชาชน โดยให้คืนเงินกว่า 4 ล้าน ฐานใช้และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมจำคุก 5 ปี และในวันที่ 3 มี.ค. 2556 ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยเสี่ยอู๊ดได้ขอให้พักการลงโทษและลงโทษสถานเบา แต่ศาลเห็นว่ามีเจตนานำเครื่องหมายมหามงกุฎมาใช้ประดับหลังพระเครื่อง แม้จะตัดเครื่องหมายประกายด้านบนออกและตัดข้อความด้านล่างออก ก็ทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่าเป็นเครื่องหมายมหามงกุฎ จึงเป็นการใช้ตราโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามฟ้อง รวมทั้งมีเจตนามุ่งจำหน่ายพระเครื่องเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วไป เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน คนจำนวนมากหลงเชื่อจนเกิดความเสียหาย อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ก่อนจะพ้นโทษเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2556
 
 
 
 
 
 
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง