ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมชุดคลี่คลายคดีหมิ่นเบื้องสูง ชี้แจงข้อสงสัยจับ 3 ผู้ต้องหา แอบอ้างเบื้องสูง พบเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน จำนวนหลายล้านบาท
ของกลางจำนวนมาก ทั้งกีต้าร์ไฟฟ้า อัญมณี งาช้างแกะสลัก ที่กองกำกับการ 1 กองปราบปราม ยึดได้จากห้องพักของพันตำรวจตรีปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อดีตสารวัตรกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือ ปอท. และนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง จำนวนหลายรายการ อาทิ อัญมณี นาฬิกาหรู วิทยุสื่อสาร อาวุธปืน นอกจากนี้ยังมีของกลางในคดีพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง และพันตำรวจเอกอัครวุฒิ หลิมรัตน์ อดีตผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม หรือ ผบก.1 ป.
โดยมีพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มาตรา 112 และพลตำรวจโทฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รองหัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ร่วมกันแถลงข่าวการคลี่คลายคดีที่ 3 ผู้ต้องหา ประกอบด้วยนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง, พันตำรวจตรีปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อดีตสารวัตรกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือ ปอท. และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดจริง พร้อมซัดทอดไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันกระทำความผิด ต่างกรรมต่างวาระ จำนวนทั้งสิ้น 13 คดี โดยในจำนวนนี้มีถึง 9 คดี ที่ผู้ต้องหาร่วมกันกับพวกร่วมกันแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน จำนวนหลายล้านบาท
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึงพลตำรวจเอกประวุฒิ ถาวรศิริ อดีตโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่ามีความเกี่ยวข้องในคดีนี้ตามกระแสข่าวหรือไม่นั้น พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ยืนยันว่ายังไม่พบความเกี่ยวข้อง และยังไม่ได้รับหนังสือลาออกแต่อย่างใด ซึ่งในขณะทราบว่าพลตำรวจเอกประวุฒิ อยู่ระหว่างการลาพักผ่อนไปต่างประเทศ และขอยืนยันว่ายังไม่มีการตรวจค้นบ้านพลตำรวจเอกประวุฒิ แต่อย่างใด แต่หากพบความเกี่ยวข้องทางคดีก็ต้องเข้าตรวจสอบทันที ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งโฆษกนั้นเป็นเรื่องที่ตนเองสามารถทำได้ในฐานะผู้บังคับบัญชา และเป็นการปรับเปลี่ยนตามวงรอบและเป็นการเปลี่ยนทั้งชุดไม่ใช่เฉพาะบุคคล
ด้านพลตำรวจโทฐิติราช ได้มีการนำสำนวนการสอบสวนนายตำรวจ 8 นาย ที่ถูกสั่งให้มาช่วยราชการ มอบให้กับพลตำรวจโทศรีวราห์แล้ว หากการสืบสวนพาดพิงไปถึงก็จะต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ด้านพลตำรวจโทศรีวราห์ ระบุว่า สำหรับของกลางบางส่วนที่เป็นของพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง พันตำรวจเอกอัครวุฒิ หลิมรัตน์ อดีตผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ที่ถูกพันตำรวจตรีปรากรม ยักยอกไว้นั้น จะต้องมีการตรวจสอบระหว่างการยักยอกนั้นมีเจ้าหน้าที่คนใดที่มีส่วนรู้เห็นบ้าง เนื่องจากพันตำรวจตรีปรากรม ไม่ใช่เจ้าพนักที่ควบคุมของกลางจึงไม่มีสิทธิ์ ซึ่งของกลาวดังกล่าวคาดว่าถูกยักยอกก่อนที่ทหารจะเข้าไปดำเนินการ พร้อมกันนี้ ระบุว่า อยู่ระหว่างการขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งพบว่าพาดพิงถึงใครก็จะดำเนินการทันทีโดยไม่ละเว้น