ตำรวจ สน.บางนา เชิญตัวเยาวชนหญิงวัย 15 ปี ที่ปรากฎในภาพถ่ายอุบัติเหตุการตั้งด่านตรวจย่านบางนากลางดึก คืนวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา มาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน หลังพบมีการโพสต์ข้อความกล่าวหาว่าตำรวจตั้งด่านลอยจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งสอบสวนเบื้องต้นพบน้าชายเป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเชิญตัวมาให้ข้อมูล
เยาวชนหญิงวัย 15 ปี ที่ปรากฎอยู่ในคลิปอุบัติเหตุ ขับขี่รถจักรยานยนต์พุ่งชนด่านตรวจตรวจบน ถนนสุขุมวิท 70 ย่านบางนา เมื่อกลางดึกคืน วันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา พร้อมด้วยบิดาเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังมีการโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมระบุว่าเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุ รวมถึงตั้งด่านลอยรีดไถประชาชน จนทำให้ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนซึ่งเป็นเยาวชนได้รับบาดเจ็บ
โดย พล.ต.ต.อดุลย์ ระบุว่าการเชิญตัวบุคคลทั้ง 2 เข้ามาให้ข้อมูลในวันนี้ เพื่อชี้แจงว่าการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจในการตั้งด่านตรวจวันดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่ได้เป็นไปตามที่มีการโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ระบุว่าเป็นการตั้งด่านลอย แต่ผู้ขับขี่ได้หลบหนีจึงได้มีการสกัดจับเนื่องจากไม่สวมหมวกกันน็อค จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งเบื้องต้นทางเยาวชนหญิงอายุ 15 ปี ผู้ประสบเหตุและบิดาไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยอมรับว่าตนและเพื่อนได้ขับขี่รถพุ่งชนด่านตรวจจริง เนื่องจากตกใจที่มีการตั้งด่านตรวจ
อย่างไรก็ตามหลังพูดคุยและชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด พนักงานสอบสวน สน.บางนาได้แจ้งข้อกล่าวหากับเยาวชนหญิงวัย15 ปี ในความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก ฐานไม่สวมหมวกกันน็อค ขณะที่ประเด็นเรื่องการโพสต์ภาพและคลิปกล่าวหาว่าตำรวจตั้งด่านลอยรีดไถประชาชน พล.ต.ต.อดุลย์ ระบุว่าจากการพูดคุยกับเยาวชนหญิงวัย15ปี ทราบว่าผู้ที่โพสต์ภาพและคลิปดังกล่าวคือน้าชายของเยาวชนหญิงคนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเชิญตัวมาทำการสอบสวนถึงสาเหตุและประเด็นการโพสต์ภาพและคลิป เนื่องจากการโพสต์ที่เกิดขึ้นส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ในการทำงานของตำรวจเป็นอย่างมาก ซึ่งหากสอบสวนแล้วพบว่ามีเจตนาที่จะโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จจริง ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 มาตรา 14 ว่าด้วยการนำเข้าข้อมูลปลอมเข้าสู่คอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหาย โดยมีอัตราโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
+ อ่านเพิ่มเติม