อังกฤษออกกฎหมายเก็บเงินค่าถุงพลาสติก ลดปัญหาขยะล้นเมือง
logo ข่าวอัพเดท

อังกฤษออกกฎหมายเก็บเงินค่าถุงพลาสติก ลดปัญหาขยะล้นเมือง

ข่าวอัพเดท : อังกฤษออกกฎหมายใหม่ที่น่าสนใจและน่าทำตามอย่างยิ่ง เพื่อแก้ปัญหาขยะลดโลกและป้องกันความเสียหายของสภาพแวดล้อม คือการเรียกเก็บเงินค่าถุง ถุงพลาสติก,กฎหมาย,เรียกเก็บเงิน,ขยะ,ลดโลกร้อน,ห้างสรรพสินค้า,อังกฤษ

10,062 ครั้ง
|
06 ต.ค. 2558

อังกฤษออกกฎหมายใหม่ที่น่าสนใจและน่าทำตามอย่างยิ่ง เพื่อแก้ปัญหาขยะลดโลกและป้องกันความเสียหายของสภาพแวดล้อม คือการเรียกเก็บเงินค่าถุงพลาสติกจากเหล่านักช็อป

 
Consumers in Slough prepare for the new rules on plastic bags
 
 
จากการสำรวจของรัฐบาลในอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.2557 พบว่า จำนวนถุงพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งที่มาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษ มีเพิ่มมากขึ้นกว่า 7,600 ล้านใบ ซึ่งเมื่อเฉลี่ยตามจำนวนประชากรแล้วเท่ากับว่าแต่ละคนจะได้รับแจกถุงพลาสติกประมาณ 140 ใบ หรือ 12 ใบต่อเดือนเลยทีเดียว
 
 
ข่าวอัพเดท : อังกฤษออกกฎหมายเก็บเงินค่าถุงพลาสติ
 
 
เนื่องจากถุงพลาสติกย่อยสลายยากและใช้เวลาที่นานมาก ทำให้เกิดปัญหาขยะล้นโลกรวมทั้งภาวะโลกร้อน และอาจส่งผลถึงระบบนิเวศน์ของสัตว์อีกด้วย ดังนั้นจึงถือเป็นขยะที่ควรลดการใช้งานอันดับแรกเลยก็ว่าได้ ทางการประเทศอังกฤษจึงออกกฎหมายใหม่ คือการอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ที่มีพนักงานมากกว่า 250 คน สามารถเรียกเก็บเงินค่าถุงพลาสติกจากลูกค้าได้ โดยคิดราคาถุงพลาสติกใบละ 5 เพนซ์ (ประมาณ 2.50 บาท) ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. 58  เป็นต้นมา และคาดว่าอาจจะขยายกฎหมายนี้ไปใช้กับร้านค้าปลีกทั้งหมดด้วย
 
 
Plastic bags caught in a tree in Southport, Merseyside
 
 
หลังจากเริ่มต้นบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวทำให้ลูกค้าที่ไม่อยากเสียเงินไปกับค่าถุงพสาติกที่ไม่จำเป็นและเป็นตัวก่อปัญหาแก่โลก ก็จะนำถุงผ้าที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้งมาใช้ใส่สิ่งของแทนถุงพลาสติก ซึ่งถือว่ามาตราการนี้ได้รับผลตอบรับอย่างดีต่อประชาชน ทำให้ปริมาตรการใช้ถุงพลาสติกในอังกฤษลดลงถึงจะยังลดลงไม่มากก็ตาม
 
แต่ถึงอย่างไรยังมีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับมาตราการดังกล่าว เนื่องจากจะสร้างความลำบากให้กับพวกเขามากขึ้นในการจับจ่ายซื้อของ จึงทำให้ประชาชนบางส่วนยินดีจ่ายเงินค่าถุงพลาสติกเพื่อแลกกับความสะดวกสบายของตน 
 
 
 
 
 
 
 
ขอบคุณรูปภาพจาก www.theguardian.com