เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และ แกนนำนปช. ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ระบุว่ามีข้อมูลจากแหล่งข่าวที่มีน้ำหนักเกี่ยวกับการระดมคนมาร่วมชุมนุมที่เวทีราชดำเนินเพื่อพิพากษารัฐบาล เป็นขบวนการโค่นล้มประชาธิปไตยเตรียมนำผลคดีเขาพระวิหารขยายเชิงลบ ก่อนเคลื่อนมวลชนปิดทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีข้อความว่า
ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่มีน้ำหนักพอจนผมต้องโพสต์ข้อความนี้
ปชป.จะระดมพลจากต่างจังหวัดมาสมทบกับเวทีราชดำเนินในวันที่ ๑๑ พ.ย. ต้องการให้มากที่สุดตั้งแต่เริ่มชุมนุมเพื่อเปิดศาลประชาชนพิพากษารัฐบาล ร้อยทั้งร้อยในบรรยากาศการชุมนุมผู้คนจะตะโกนว่ารัฐบาลต้องออกไปเหมือนกับการอ้างว่าขอความเห็นชอบเรื่องต่างๆจากหน้าเวทีซึ่งผู้ชุมนุมจะแสดงออกตามที่แกนนำต้องการ
เมื่อศาลประชาชนพิพากษาแล้วก็วางแผนจะเดินขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้นอ้างว่าไม่มีความชอบธรรมอีกต่อไป ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การคาดการณ์แต่เป็นข่าวที่มาจากวงใน รวมถึงการเตรียมขยายผลเชิงลบหากการตัดสินคดีของศาลโลกเป็นผลเสียกับประเทศไทย
ความเคลื่อนไหวแบบนี้สุ่มเสี่ยงว่าอำนาจนอกระบบจะฉวยโอกาสทำลายประชาธิปไตยอีกครั้ง อาจมาในรูปรัฐประหารหรือแบบอื่นๆเพราะเชื่อว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเป็นกระแสสูง
ดูเหมือนทฤษฎีสมคบคิดที่ตื้นเขินแต่ขึ้นชื่อว่าเผด็จการย่อมไม่มีอะไรซับซ้อนเกินกว่าจะสัมผัสได้ สังเกตุไหมว่าเวทีปชป.ตอบโต้ทุกประเด็นของรัฐบาลแต่เรื่องที่ผมบอกว่าปลายสัปดาห์ก่อนนายสุเทพนัดพบกับผู้มีบารมีคนหนึ่งที่ แปซิฟิก คลับ แถวสุขุมวิทแล้วพูดคุยกันเรื่องสถานการณ์ชุมนุมในลักษณะร่วมขบวนการกลับไม่มีเสียงตอบโต้ใดๆ บนเวทีก็มีการเชิญชวนให้ทหารออกมาเป็นระยะ
เพื่อให้ชัดเจนว่านี่คือการนำพาประเทศไปตามแนวทางประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้ปชป.แสดงจุดยืนต่อไปนี้
๑.ประกาศไม่ยอมรับการรัฐประหารและจะออกมาต่อต้านทันทีหากเกิดขึ้น
๒.แสดงจุดยืนไม่ยอมรับอำนาจรัฐจากกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
๓.ถอดชนวนความตึงเครียดในสังคมโดยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้วยุติเวทีชุมนุม เอาทุกเรื่องที่พูดกันบนเวทีไปว่ากันในสภาฯให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่าอ้างว่าแพ้เสียงข้างมากเพราะหากรัฐบาลขาดความชอบธรรมจริงก็ฝืนความจริงที่ปรากฎต่อประชาชนไม่ได้ เหมือนกรณีสปก.๔-๐๑ที่รัฐบาลปชป.จนมุมในสภาจนต้องคืนอำนาจให้ประชาชนมาแล้ว
ผมคาดหวังว่าการล้มล้างประชาธิปไตยจะไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อมองไปในอนาคตกลับเห็นภาพอดีต ๗ ปีที่ผ่านมาผุดขึ้นเป็นระยะ
ผมเชื่อมั่นว่าเราปฏิเสธมันได้ถ้าเราช่วยกันผลักดันประเทศไทยให้เดินไปข้างหน้าด้วยการรักษาหลักการประชาธิปไตย
เงื่อนไขเรื่องพรบ.นิรโทษกรรมยุติลงแล้วไม่มีทางที่รัฐบาลจะหยิบยกมาพิจารณาอีกต่อไป ผมยอมรับว่าประชาชนมีสิทธิ์ไม่เชื่อมั่นรัฐบาลแต่ถ้าสมยอมกับเผด็จการทั่วโลกก็จะไม่เชื่อมั่นประเทศไทย
เวทีสภาคือคำตอบ ยกเว้นปชป.จะปฏิเสธระบบรัฐสภาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว