Work-life balance สำคัญแค่ไหน เราควรมีหรือไม่ ?
logo ข่าวอัพเดท

Work-life balance สำคัญแค่ไหน เราควรมีหรือไม่ ?

ข่าวอัพเดท : หลายคนอาจมองว่า “Work-life balance” ไม่มีจริงหรอก เพราะแค่ในหนึ่งวันเราก็ต้องใช้เวลาไปกับการทำงานแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง บางคนก็มากก Work-life balance,ทำงาน,ชีวิตคนทำงาน,ทำงานให้มีความสุข,ความสุข

40,961 ครั้ง
|
12 ก.ค. 2567

หลายคนอาจมองว่า “Work-life balance” ไม่มีจริงหรอก เพราะแค่ในหนึ่งวันเราก็ต้องใช้เวลาไปกับการทำงานแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง บางคนก็มากกว่า 8 ชั่วโมง แต่จริง ๆ แล้ว คำว่า “balance” ของแต่ละคนก็ไม่ได้เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมอง balance ของเรายังไงมากกว่า แล้วเราจะออกแบบสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวให้ประสิทธิภาพ และไม่ส่งผล กระทบในแง่ลบต่อกันและกันยังไงล่ะ ?

ทำไม Work-life balance จึงมีความสำคัญ ?

สังคมในปัจจุบันมองว่าการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ไม่ควรใช้เวลาทั้งหมดที่มีไปกับการทำงาน เพราะการให้เวลากับงานมากจนเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดสะสมและส่งผลเสียต่าง ๆ ต่อสุขภาพร่างกายได้ การทำงานจนขาดแคลนความสมดุลในชีวิตนั้น ทำให้คนทำงานต้องถามหาสิ่งที่เรียกว่า “Work-life balance” เพื่อลดผลกระทบต่าง ๆ และยังช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย

Work-life balance เท่ากับ ความสุข

จริง ๆ แล้ว คำว่า Work-life balance นั้น ถ้าจะต้องหาคำคำหนึ่งมาอธิบายความหมาย หรืออธิบายคำว่า Work-life balance ในชีวิต คำคำนั้นคงเป็นคำว่า “ความสุข” มากกว่าคำอื่น ๆ

การที่เราจะมี Work-life balance ในชีวิต เรามักจะคิดว่า Work-life balance ของเรามันเหมือนเป็นตาชั่งตาชั่งนึง ที่มีอยู่สองข้าง แล้วก็เราคิดว่า Work-life balance ที่ดี คือตาชั่งต้องเท่ากัน แต่ถ้าเราได้โตขึ้น ได้ใช้ชีวิตมาเรื่อย ๆ จะได้เรียนรู้ว่าตาชั่งของ Work-life balance ที่ดี มันไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไปก็ได้ มันขึ้นอยู่กับการที่เราเอาน้ำหนักของแต่ละเรื่องมาใส่แต่ละฝั่งเท่าไหร่ มันจะเอียงบ้างเอนไปทางไหนบ้าง แต่ว่าถ้าชีวิตเรามีความสุข นั่นก็น่าจะเป็นคำตอบของการมี Work-life balance ที่ดี

การสร้าง Work-life balance อย่างมีประสิทธิภาพ

1.กำหนดระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ชัดเจน เมื่อถึงเวลาทำงานก็ควรตั้งใจ และให้เวลากับการทำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงบ้านก็ไม่ควรคิดหรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องงานอีก ควรให้เวลาส่วนตัวอย่างเต็มที่

2.จัดลำดับความสำคัญของงาน เรียงลำดับว่างานไหนต้องส่งก่อน ควรทำให้เสร็จเป็นลำดับต้น ๆ

3.ดูแลใส่ใจและให้รางวัลตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบ และกำหนดเวลาเข้านอน เพื่อให้ตัวเองมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ

4.รู้จักการปฏิเสธและการกล้าขอความช่วยเหลือ ในโลกของการทำงานจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หากพบว่าตัวเองมีงานค้างที่มากเกินไปจนไม่สามารถทำทันอาจขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานได้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด และถ้าหากถูกขอให้ช่วยงานจากเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าแต่ไม่สะดวก ก็สามารถที่จะปฏิเสธได้เช่นกัน

สรุป

Work-life balance ก็คือความสุขในชีวิต การที่เรามีตาชั่งตาชั่งนึงแล้วก็เอาแต่งละเรื่องไปใส่ ด้านของตาชั่งในชีวิตเรา แค่ขอให้มันมีความสุขก็พอแล้ว มันไม่จำเป็นต้องสมดุลหรอก ถึงแค่มันจะเอียงไปทางไหนบ้างก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับความสำคัญในชีวิตของเรา

และอีกสิ่งหนึ่งของการมีความสุขก็คือ เราก็คงต้องมีความคิดหรือทัศนคติที่ดี การที่เราคิดทุกอย่างในเชิงบวก ทุกอย่างในโลกมันสวยงามเสมอ และถ้าสามารถเอาไปใช้ได้ มันก็จะทำให้เรามีความสุขในชีวิตได้

อ้างอิง

https://www.sakid.app/blog/work-life-balance/

https://www.medparkhospital.com/lifestyles/work-life-balance

https://experience.dropbox.com/th-th/resources/work-life-balance

https://www.youtube.com/watch?v=i0GADsgsG4E&t=289s