ครม.ไฟเขียว ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 นำร่อง 5 พื้นที่คือ กทม. ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี
วันที่ 28 พ.ย.คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยสาระสำคัญ คือ เป็นการกำหนดและแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง กำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการในเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้ตั้งสถานบริการ
ด้วยเหตุว่า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศที่เพิ่งผ่านสถานการณ์โควิด 19 จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการ ที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมาย และสถานบริการที่ตั้งอยู่ท้องที่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่และ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี
โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่อง ขยายเวลาเปิดสถานบริการ ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ส่วนพื้นที่อื่นที่มีความประสงค์จะขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 04.00 น. ให้เป็นไปตามประกาศของจังหวัด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กำหนด
ทั้งนี้การดำเนินการเสนอร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ เป็นไปตามที่ ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการวางหลักเกณฑ์ การขยายเวลาให้สถานบริการในพื้นที่ท่องเที่ยวเปิดบริการได้ถึง 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้กำกับและเร่งรัดหน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล
ขณะเดียวกันได้กำชับให้ทุกขั้นตอนดำเนินตามกฎหมาย มีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ประเมินผลกระทบทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจอย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ก่อนที่จะยกร่างกฎกระทรวงฯ และนำเสนอต่อ ครม. กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการในท้องที่กรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบันเทิงในท้องที่จังหวัดนั้นๆ ให้จัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
รวมทั้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ และกรมการปกครองได้ออกประกาศเรื่อง การรับฟังความคิดเห็นร่างกฎกระทรวงฯ ลงวันที่ 3 พ.ย. 66 เพื่อกำหนดวิธีการรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์เป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-17พ.ย. 66 เพื่อประกอบการยกร่างกฎหมาย
นอกจากนี้ กรมการปกครองได้ทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจะเกิดขึ้นจากร่างกฎกระทรวงฯ ซึ่งเป็นการดำเนินตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ด้วยแล้ว
+ อ่านเพิ่มเติม