“พาณิชย์” สั่งเบรกขึ้นราคา “น้ำตาล” ชงครม.ออกประกาศสินค้าควบคุม | เช้านี้ที่หมอชิต

เช้านี้ที่หมอชิต - พาณิชย์ เตรียมติดเบรก ห้ามขึ้นราคาน้ำตาล กิโลกรัมละ 4 บาท หวั่นกระทบค่าครองชีพวงกว้าง จ่อชงคณะรัฐมนตรีออกประกาศให้กลับมาเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งเมื่อเป็นสินค้าควบคุมแล้ว ใครฝ่าฝืนจะเจอโทษทั้งจำทั้งปรับ

 

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ออกประกาศปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 4 บาท ทั้งราคาน้ำตาลทรายขาวและขาวบริสุทธิ์ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเสียงบ่นระงมไปทั่วโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายที่ต้นทุนสูงขึ้น ไม่ว่าร้านอาหาร ร้านขนม หรือร้านน้ำ จะขึ้นราคาก็ไม่ได้เพราะกลัวขายไม่ออกก็ต้องแบกภาระต้นทุนกันไป

 

ทางรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อถกปัญหานี้ โดยที่ประชุม มีมติกำหนดให้น้ำตาลทรายกลับมาเป็นสินค้าควบคุมภายใต้การกำกับของกระทรวงพาณิชย์ และออกมาตรการกำกับดูแลราคาน้ำตาล โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.ประกาศควบคุมราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน ดังนี้ น้ำตาลทรายขาว กิโลกรัมละ 19 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กิโลกรัมละ 20 บาท  ส่วนราคาจำหน่ายปลีกในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล น้ำตาลทรายขาว กิโลกรัมละ 24 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กิโลกรัมละ 25 บาท 2.ออกมาตรการควบคุมการส่งออกน้ำตาลทรายไปยังต่างประเทศ หากส่งออกตั้ง 1 ตัน เป็นต้นไป จะต้องขออนุญาตอนุกรรมการที่จัดตั้งขึ้นก่อน โดยมอบให้ สอน.เป็นประธานอนุกรรมการฯ เพื่อให้เกิดความสมดุลของปริมาณและราคาน้ำตาลทรายในประเทศ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในอนาคต

 

นายภูมิธรรม ย้ำว่า กระทรวงพาณิชย์จะนำมติ กกร. เสนอให้ครม. พิจารณาอนุมัติเร่งด่วนในวันนี้ (31 ต.ค.) คาดว่าไม่เกินวันที่ 1 พฤศจิกายน กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที

 

ต้องอธิบายก่อนว่า เดิมน้ำตาลทรายเคยเป็นสินค้าควบคุม อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงพาณิชย์มาตลอด แต่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย สังกัด กระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องมาจากในปี 2559 บราซิลซึ่งเป็นประเทศส่งออกน้ำตาล อันดับ 1 ของโลก ยื่นเรื่องต่อ องค์การการค้าโลก (WTO) ว่าไทย (อันดับ 2) ใช้นโยบายอุดหนุนส่งออกน้ำตาลในลักษณะที่อาจขัดกับข้อตกลง WTO ไม่ว่าจะเรื่องการกำหนดโควตาขายภายในประเทศกับนอกประเทศ การกำหนดราคารับซื้ออ้อย และการใช้เงินกองทุนอ้อยและน้ำตาล จูงใจให้ชาวไร่หันมาปลูกอ้อยมากขึ้น ซึ่งมีข้อกังวลว่า หากไทยแพ้จะโดนปรับมหาศาล นำไปสู่การประกาศลอยตัวราคาอย่างเป็นทางการ และทำให้กระทรวงพาณิชย์ถอดบัญชีสินค้าควบคุม ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 22 มกราคม 2562

 

สำหรับ สินค้าควบคุม คือ สินค้าที่มีการกำหนดราคาซื้อ-ขาย ที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือกกร.จะเป็นผู้กำหนดสินค้าหรือบริการควบคุม ซึ่งจะมีการพิจารณากันอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สำหรับ ปี 2566 มีสินค้าควบคุมที่เคยประกาศแล้วต่ออายุ คือสินค้าที่ต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด เช่น หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์และเจลล้างมือ เป็นต้น ส่วนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อปี 2565 เนื่องจากมีการทยอยปรับราคาค้าปลีกสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ ไก่ และเนื้อไก่ ทั้งนี้ สำหรับสินค้าและบริการควบคุมปี 2566 มีจำนวน 56 รายการ โดยแบ่งเป็นหมวดต่าง ๆ อย่าง หมวดสินค้าเกษตรที่สำคัญ มีข้าวเปลือก ข้าวสาร หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ผงซักฟอก น้ำยาซักฟอก ผลิตภัณฑ์ล้างจาน ผ้าอนามัย หมวดอาหาร เวลานี้มี กระเทียม ไข่ไก่ ทุเรียน หมู ไก่ และเนื้อไก่ ดังที่กล่าวไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม มาตรการสินค้าควบคุมอาจช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้บางส่วนเท่านั้น หากกลไกภาครัฐมีช่องว่าง ก็ยังสร้างความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนได้อยู่ดี ถ้าจำได้อย่างตอนโควิดที่ยังพบการกักตุนหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจนมีราคาสูงลิ่ว ในขณะที่โรคก็ระบาดรุนแรง หรือกรณี โรคอหิวาต์แอฟริกาหรือ AFS ระบาดในหมู เมื่อต้นปีที่แล้ว ก็ยังเห็นการกักตุนหมูเพื่อส่งออก เนื่องจากมีราคาดีกว่าแถมยังทำให้หมูในประเทศขาดตลาดจนมีราคาแพงขึ้นอีก ดังนั้น ต้องจับตากันต่อไปว่า ราคาน้ำตาลแพงจนทำให้ต้องนำกลับมาเป็นสินค้าควบคุมครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนหรือไม่