หนุ่มร้อง “สายไหมต้องรอด” ถูกสองพ่อ-ลูกรุมทำร้าย ปมขอแลกบัตรจอดรถ

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พนักงานประจำลานจอดรถตลาดย่านบางบางแค ซึ่งเป็นผู้พิการหูดับ ร้องเพจสายไหมต้องรอด ช่วยเหลือ หลังถูกเทศกิจและลูกชายรุมทำร้าย ปมเหตุแค่ขอแลกบัตรจอดรถ

 

วงจรปิดบริเวณทางเข้าลานจอดรถแห่งหนึ่ง บันทึกภาพขณะรถกระบะจอดตรงป้อมทางเข้า พูดคุยบางอย่างกับพนักงานที่นั่งอยู่ด้านใน จากนั้นคนที่นั่งมาในรถ เปิดประตูลงมา คล้ายโต้เถียงบางอย่างกับพนักงาน แล้วจู่ ๆ เขาก็บุกเข้าไปในป้อมลงมือทำร้ายพนักงาน ก่อนที่คนขับกระบะจะลงมาประสมโรง รุมทำร้ายด้วย เหตุเกิดช่วง 21.00 น. วานนี้ (15 ส.ค.) ที่ตลาดย่านบางแค กรุงเทพฯ

 

ล่าสุดผู้เสียหาย คือนายสมชาย อายุ 44 ปี พนักงานแลกบัตรจอดรถ ซึ่งพิการหูดับไม่ค่อยได้ยิน ร้องเรียนไปยังทีมงานสายไหมต้องรอด ขอให้ช่วยเหลือ ก่อนทางทีมงานสายไหมต้องรอด จะพานายสมชาย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม นายสมชาย เล่าว่าโดยปกติแล้วภรรยาของตนเองจะทำงานเป็นพนักงานแลกบัตรจอดรถอยู่ในตลาดดังกล่าว แต่ในช่วงเกิดเหตุนั้น ภรรยาไปเข้าห้องน้ำจึงให้ตนมาทำหน้าที่แทนชั่วคราว เมื่อรถคู่กรณีมาถึง ตนจึงบอกให้แลกบัตร แต่ทางคู่กรณีบอกว่าเสียค่าจอดรถรายเดือนไม่ต้องแลกบัตร แต่ด้วยความที่ตนหูดับ ไม่ได้ยิน จึงพูดย้ำไปว่าให้แลกบัตรอีกครั้ง ทำให้คู่กรณีเป็น 2 พ่อลูก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจ เกิดความไม่พอใจ ลงมาหาเรื่องและรุมทำร้ายร่างกาย เป็นเวลาถึง 10 นาที จนได้รับบาดเจ็บ หัวบวมปูด มีรอยช้ำที่ใบหน้าและลำคอ หลังเกิดเหตุไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะยากจน และกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากรู้ประวัติว่า ผู้ก่อเหตุเคยทำร้ายร่างกายคนอื่นมาแล้ว จึงร้องเรียนไปยังทีมงานสายไหมต้องรอด เพื่อช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม

 

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า สาเหตุที่เข้ามาช่วยกรณีนี้ เนื่องจากสงสารและเห็นใจเพราะผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้พิการ แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังทำได้ลงคอ เรื่องราวเพียงแค่นี้ ไม่ควรต้องใช้กำลังทำร้ายร่างกายกัน แถมยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงอยากให้หน่วยงานต้นสังกัด รวมทั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุที่อยู่ในสังกัด

 

ขณะที่ พันตำรวจเอก ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผู้กำกับการ สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วทั้งสองคน เบื้องต้นทราบว่าเป็นลูกจ้างของสำนักงานเขตภาษีเจริญ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเรียกมาให้ปากคำ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย