หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และไม่ได้แจ้งเหตุฯ หรือแจ้งเหตุฯ แล้ว แต่เหตุนั้นไม่สมควร
กฎหมายกําหนดให้เสียสิทธิบางประการดังต่อไปนี้
1. เสียสิทธิในการยื่นคําร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.
2. เสียสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็น ส.ว.
3. เสียสิทธิในการสมัครรับเลือกเป็นกํานันและผู้ใหญ่บ้าน
4. ต้องห้ามดํารงตําแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
5. ต้องห้ามดํารงตําแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การจํากัดสิทธิทั้ง 5 ข้อ กําหนดเวลาครั้งละ 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และหากในการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้เริ่ม นับเวลาการจํากัดสิทธิ 2 ปีใหม่
วิธีการป้องการการเสียสิทธิ
เพื่อเป็นการป้องกันการเสียสิทธิทั้ง 5 ข้อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสามารถแจ้งเหตุอันไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ โดยมี 2 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
1. ก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งขอรับแบบ ส.ส. 28 หรือทําหนังสือชี้แจงเหตุที่ทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ และให้ระบุเลขประจําตัวประชาชนและที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
2. ยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนอําเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น โดยสามารถยื่นด้วยตนเอง หรือมอบหมายผู้อื่น หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือแจ้งทางอินเทอร์เน็ต
6 เหตุอันสมควรที่ทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ได้
1. ผู้มีธุรกิจจําเป็นเร่งด่วนต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
2. ผู้ป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
3. ผู้พิการหรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
4. ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
5. ผู้มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
6. ผู้ประสบเหตุสุดวิสัย เช่น อุทกภัย วาตภัย ฯลฯ
ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง