logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ขาใหญ่ประชาอุทิศ ! หนุ่มหัวร้อน ใช้ท่อนเหล็กตีหัวลุงบาดเจ็บ เหตุขับรถช้า

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : หนุ่มขาใหญ่ย่านประชาอุทิศ14 หัวร้อน ใช้ท่อนเหล็กตีหัวลุงบาดเจ็บ เหตุเพราะโมโหที่ลุงขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวออกมาจากซอย ตัดหน้ ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ,ทิน โชคกมลกิจ

253 ครั้ง
|
06 มี.ค. 2566
หนุ่มขาใหญ่ย่านประชาอุทิศ14 หัวร้อน ใช้ท่อนเหล็กตีหัวลุงบาดเจ็บ เหตุเพราะโมโหที่ลุงขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวออกมาจากซอย ตัดหน้ารถยนต์ของตนแบบกระชั้นชิด แถมยังขับรถช้า ทำให้หงุดหงิด จึงตะโกนสั่งให้ลุงจอดรถจักรยานยนต์ และปรี่เข้าไปทำร้ายลุง
 
จากภาพจะเห็นว่า ลุงได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากซอยประชาอุทิศ 14 โดยระหว่างขับรถออกมาได้ก้มหัวคำนับขอบคุณ รถยนต์คันที่มาจากทางตรง ซึ่งเป็นรถยนต์ของผู้ก่อเหตุ จากนั้นลุงได้เลี้ยวจักรยานยนต์ และขับไปตามถนนตามปกติ 
 
ต่อมา ลุงได้จอดรถจักรยานยนต์ริมถนน และมีรถเก๋งของผู้ก่อเหตุมาจอดด้านหลัง และลงจากรถไปโต้เถียงกับลุงประมาณ 2 นาที จากนั้นผู้ก่อเหตุได้กลับไปหยิบท่อนเหล็กในรถออกมาทำร้ายร่างกายลุงจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ก่อนจะมีชาวบ้านมาช่วยห้าม 
 
ผู้สื่อข่าวเดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณตรงข้ามซอยประชาอุทิศ 16 ถนนประชาอุทิศ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร
 
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางมายัง ซอยประชาอุทิศ 27 แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานครพูดคุยกับ ร้อยตรี วิเชียร รัมย์พึงวรณ์ อายุ 64 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 8.00 น. ตนขับรถจักรยานยนต์ไปตลาด ไปซื้ออาหาร เพื่อเอาไปให้ภรรยาที่เป็นผู้ป่วยโรคไต หลังซื้อของจากตลาดเสร็จ ตนก็ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากซอยประชาอุทิศ 14 เลี้ยวขวากำลังจะกลับมายังบ้านแถวซอยประชาอุทิศ 27  โดยระหว่างนั้น ตนเองก็เลี้ยวรถมาปกติ ก็มีรถยนต์หยุดให้ ตนเองก็ก้มโค้งคำนับขอบคุณที่ให้ทาง จนตนเองก็ขับรถมาเรื่อย ๆ ช้า ๆ ชิดซ้าย 
 
จากนั้นได้มีรถเก๋งคันสีขาว ขับเข้ามาเทียบข้าง ๆ ตะโกนบอกให้ขับรถเร็ว ๆ ซึ่งตนเองก็แก่แล้ว ไม่กล้าขับรถเร็ว เพราะกลัวเกิดอุบัติเหตุ เลยบอกว่า “ผมขับรถไวมากไม่ได้ผมกลัวตาย” 
 
จากนั้น คนขับรถคนดังกล่าวเรียกให้ตนเองจอดข้างทาง เมื่อจอดแล้วก็ด่าตน ตนเองก็ทำเฉย ๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร ได้แต่บอกว่า “ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าครับ” โดยยืนยันว่า ตนเองพูดครับมีหางเสียงทุกคำที่คุยกับคู่กรณี 
 
หลังจากนั้นไม่นาน คนขับรถคนดังกล่าวก็ชวนท้าชกต่อย ด้วยความที่ตนเองเคยเป็นนักมวย จึงปฎิเสธไปว่า “ต่อยได้แต่ต้องต่อยบนเวที เพราะได้เงิน แต่ถ้าต่อยนอกเวที ข้างล่างเวที กลัวเจ็บตัวเสียตัวฟรี ไม่ได้เงิน “ 
 
คนขับรถคนดังกล่าวยังพยายามหาเรื่อง และเดินไปหยิบท่อนเหล็กมาจากรถ ตนได้แต่ยกมือบอกให้ใจเย็น ๆ ก่อนที่จะถูกท่อนเหล็กตีที่หน้าแข็งและขา ทำให้ท่อนเหล็กไปโดนโทรศัพท์แตก ระหว่างที่ตนเองก้มไปดูขาว่าบาดเจ็บมากหรือไม่ คู่กรณีก็ได้ใช้ท่อนเหล็กฟาดลงมาที่ศีรษะของตน
 
ต่อมา ได้มีพลเมืองดีที่ขับรถผ่านมารีบเข้ามาช่วยห้าม โดยตนเองไม่รู้เหตุการณ์หลังจากนั้น เพราะขณะนั้นเลือดออกเยอะมาเลยมานั่งพักดูแผล ส่วนคนที่เข้ามาช่วยก็ด่าชายผู้ก่อเหตุ ก่อนที่จะขับรถหนีไป
เท่าที่ตนเองจำได้ คาดว่าคู่กรณีมีอายุประมาณ 40 ปีต้น ๆ และสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ลักษณะสมส่วน ตนเองไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ทั้งที่ตนเองอยู่แถวนี้มานานหลายปี ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
 
โดยตอนนี้ยังคงมีอาการปวดและมึนหัว เนื่องจากศีรษะแตก ถูกเย็บทั้งหมด 5 เข็ม ต้องทานยาลดปวดอยู่ โดยอยากบอกคู่กรณีว่า อยากใจเย็น ๆ ลงกว่านี้ อย่าทำแบบนี้กับคนแก่หรือคนอื่น ๆ เลย บาปกรรม ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ดี คนอื่นเขาก็หาเงินหาทองทำมาหากินกันทั้งนั้น 
 
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สถานีตำรวจนครบาลราษฎร์บูรณะ หลังทราบข่าวว่า นายสิร (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ก่อเหตุ ทำธุรกิจส่วนตัวประเภทขนส่งสินค้า เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการสอบปากคำ หลังสอบปากคำเสร็จ นายสิร ได้ออกมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “ตนเองขอโทษผู้เสียหายไปแล้วตั้งแต่วันที่ผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุเพราะความอดทนของตนมีขีดจำกัด ส่วนอาวุธที่นำมาทำร้ายก็หาหยิบจากจุดเกิดเหตุ แต่อยากให้ไปถามทางผู้เสียหายเองว่า วันเกิดเหตุพูดอะไรไว้ ส่วนเรื่องที่ระบุว่าตนเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ ตนไม่เคยพูดหรืออ้างตัว มีแต่ฝ่ายผู้เสียหายที่อ้างว่ารู้จักนายพัน ซึ่งต่อจากนี้ตนยืนยันว่าจะไม่หัวร้อนและก่อเหตุแบบนี้อีก” จากนั้น นายสิร ได้เดินขึ้นรถยนต์แล้วขับออกไป
 
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหา ไม่พบว่ามีสารเสพติด จึงมีการสอบปากคำและแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต่อจากนี้ต้องรอผลตรวจทางการแพทย์จากทางผู้เสียหายอีกครั้ง หากแพทย์มีความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบาดเจ็บ สามารถแจ้งข้อหาได้ก็จะทำการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำเข้าสำนวนคดีและนัดวันส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลต่อไป
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/K26jgThdU0g

ข่าวที่เกี่ยวข้อง