“หมอริท” ฝาก “พี่โตโน่” ให้คิด ชี้ เงินบริจาคจะมากแค่ไหนไม่ได้ช่วยให้หมอ-พยาบาลหายเหนื่อย
logo ข่าวอัพเดท

“หมอริท” ฝาก “พี่โตโน่” ให้คิด ชี้ เงินบริจาคจะมากแค่ไหนไม่ได้ช่วยให้หมอ-พยาบาลหายเหนื่อย

ข่าวอัพเดท : จาก“หมอริท”ถึง“พี่โตโน่”ขอบคุณในน้ำใจและความเสียสละต่อบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมฝาก 6 มุมมองให้คิด ชี้ต่อให้ว่ายเป็น 10 รอบเงินบริจาคม หมอริท,โตโน่

1,302 ครั้ง
|
23 ต.ค. 2565
จาก“หมอริท”ถึง“พี่โตโน่”ขอบคุณในน้ำใจและความเสียสละต่อบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมฝาก 6 มุมมองให้คิด ชี้ต่อให้ว่ายเป็น 10 รอบเงินบริจาคมากกว่า 1,000 ล้าน หมอ พยาบาลก็เหนื่อยเท่าเดิม
 
จากกรณี พระเอกหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงเพื่อการกุศล  ระหว่างจุดองค์พญาศรีสัตตนาคราช เขตเทศบาลเมืองนครพนม ไปกลับระหว่าง วัดพระธาตุศรีโคตรบอง แขวงคำม่วน สปป.ลาว ระยะทางไปกลับ 15 กิโลเมตร โดยตั้งกองทุนรับบริจาคช่วย รพ.นครพนม และ รพ.แขวงคำม่วน สามารถเสร็จสิ้นภารกิจในวันที่ 22 ต.ค. 65 โดยสามารถระดมทุนไปได้ 62 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เวลา 07.00 น. วันที่ 23 ต.ค.65) แต่เหมือนว่าภารกิจกิจดังกล่าวจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่กระแสดรามาก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง 
 
ล่าสุด “หมอริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช” ดารา นักร้อง น้องคนสนิทของหนุ่มโตโน่จากเวทีประกวด The Star ได้ทวีตข้อความระบุว่า ยินดีด้วยกับการ #ว่ายน้ำข้ามโขง ของพี่ #โตโน่ภาคิน ในวันนี้นะครับ ที่ปลอดภัย และได้รับเงินบริจาคจำนวนมาก อย่างแรกต้องขอขอบคุณในน้ำใจและความเสียสละของพี่ที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ คนที่พร้อมจะเสียสละเพื่อคนอื่นแบบพี่ ไม่ได้หาได้ง่ายเลย นับถือใจจริงๆ
 
(1)ในบทสัมภาษณ์มีหลายครั้งที่พี่พูดว่า ที่พี่มาว่ายน้ำครั้งนี้ เพราะหมอและพยาบาลเค้าเหนื่อยกว่า เสี่ยงกว่า เลยอยากขออนุญาตฝากมุมมองไว้ซักนิดครับ เผื่อพี่อาจจะลืมมองเหตุผลพวกนี้นะครับ (ไหนๆคนก็สนใจโครงการพี่เยอะแล้ว)
 
(2)  ต่อให้พี่ว่ายน้ำข้ามโขงเป็น 10 รอบ ได้เงินบริจาคมากว่า 1,000 ล้าน หมอ พยาบาล เค้าก็เหนื่อยเท่าเดิมครับ ขอยกตัวอย่างในฝั่งของหมอนะครับ ระบบสุขภาพของประเทศไทยคือ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แปลว่า คนไทยจะป่วยยังไง ก็มีการรักษารองรับ
 
(3)ซึ่งจริงๆดีกับคนไทยในบางมุมนะ เช่น คนจนมีสิทธิ์เข้าถึงการรักษา แต่ข้อเสียก็คือ คนไทยไม่ใส่ใจสุขภาพ เกิดปัญหา เช่น ติดเหล้า ติดบุหรี่ และเกิดปัญหาสุขภาพตามมา ทำให้คนต้องมาโรงพยาบาลกันเยอะ) ซึ่งทำให้หมอต้องทำงานหนัก แต่ยังได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม
 
(4)ซึ่งทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หมอๆก็ออกนอกระบบโรงพยาบาลรัฐกันหมด หมอก็น้อยลง งานก็ยังหนัก ผลิตหมอเท่าไหร่ก็ไม่พอ ก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ถึงบอกว่าเงินบริจาคเยอะแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้หมอหายเหนื่อยครับ
 
(6)  พี่บอกว่าหมอพยาบาลเสี่ยง คำถามคือ แล้วใครปล่อยให้หมอพยาบาลทำงานภายใต้ความเสี่ยง? ถ้ารู้ว่าเค้าทำงานแบบเสี่ยงอยู่ ทำไมผู้มีอำนาจโดยตรงถึงมองไม่เห็นและไม่สามารถจัดการปัญหานั้นโดยเร่งด่วนได้ หรืองบประมาณไม่เพียงพอ แล้วถ้างบไม่พอจริงๆ ทำไมไม่รายงานขึ้นไป ทำไมต้องรอเงินบริจาค?
 
(7)ส่วนตัวมองว่า การบริจาคไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีนะครับ แต่ที่มา หลักการ จุดประสงค์ของโครงการและการนำเงินไปใช้ต้องชัดเจน รวมถึงควรสนับสนุนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไปในตัวด้วยครับ ถ้าพี่สื่อสารจุดนี้ได้ด้วย คิดว่าคนไม่เห็นด้วยน่าจะน้อยลงนะครับ และทำให้โครงการของพี่ดูมีเหตุสมควรมากขึ้น