กลายเป็นไฟลามทุ่งไปแล้วกับกรณีของทหารหญิงเหยื่อ “ส.ต.ท.หญิง” หรือเจ๊นุช ซึ่งมีหลายประเด็นที่กลายกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ทั้งการแจ้งความน้องชายนักการเมือง และตัวของแฟนเจ๊นุชที่ออกมายอมรับถึงพฤติกรรมความรุนแรงต่าง ๆ โดยอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อสั่งสอน รวมถึงดรามาในโลกออนไลน์
หากไล่เรียงกันทีละประเด็น เริ่มจากการเดินหน้าแจ้งความของทหารหญิง ซึ่งเดินทางไปพร้อมกับ “กัน จอมพลัง” และทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยเป็นการแจ้งความเพิ่มเติมเนื่องจากมีบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีเพิ่มขึ้นอีก พร้อมระบุว่าเป็นคนที่ร่วมทำร้ายผู้เสียหายและมีความรุนแรงพอกัน
กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า เป็นการแจ้งความเพิ่มเติม เนื่องจากก่อนหน้านี้ “ส.ต.ท.หญิง” พร้อมเพื่อนชายคนสนิท ซึ่งเป็นน้องชายนักการเมืองท้องถิ่น จ.ราชบุรี ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ อ.ชะอำ และเข้าพักที่คอนโดชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยนำทหารหญิงที่ถูกทำร้ายร่างกายมาด้วย ขณะเข้าพัก “ส.ต.ท.หญิง” ได้ลงมือทำร้ายร่างกายทหารหญิง และเพื่อนชายคนสนิทที่เดินทางมาด้วยก็ลงมือทำร้ายร่างทหารหญิงด้วย โดยอ้างว่ากลัวว่า ส.ต.ท.หญิงจะเจ็บมือ
สำหรับพฤติกรรมของเพื่อนชายคนสนิท ได้ใช้วิธีการนำเครื่องชอร์ตไฟฟ้ามาจี้ที่บริเวณหลังคอและขา แถมจี้แช่ไว้จนเนื้อไหม้ รวมถึงใช้เก้าอี้ฟาดจนเก้าอี้หัก และทำลายด้วยมือเปล่าอีกด้วย แถมขณะที่ผู้บาดเจ็บกำลังนั่งเช็ดเลือดที่ตัวและพื้นห้องอยู่ ฝ่ายชายได้เร่งให้เช็ดเร็ว ๆ ไม่งั้นจะโดนทำร้ายอีก
ด้านทหารหญิง บอกว่า ตอนเกิดเหตุช่วงฝ่ายชายกำลังทำร้ายตนเอง ฝ่ายหญิงจะยืนดูด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไม่มีการห้ามปราม และบางครั้งที่ ส.ต.ท.หญิง ไม่อยู่ ฝ่ายชายจะเรียกตนมาทำร้ายร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้ ทางผู้เสียหายได้เดินทางไปแจ้งความเพิ่มที่ สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในกรณีที่ถูกใช้อาวุธปืนตบหน้าและจ่อจี้หัว
ทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายคมสิทธิ์ น้องชายนักการเมืองทองถิ่น ใน จ.ราชบุรี ซึ่งนายคมสิทธิ์เป็นแฟนหนุ่มของเจ๊นุช นายคมสิทธิ์ เปิดเผยว่า ได้คบหาเป็นแฟนกันมาประมาณ 7-8 เดือน ที่ผ่านมาก็เคยเห็น พฤติกรรมแบบในคลิปที่มีการเผยแพร่ ส่วนสาเหตุก็มาจากที่เขาเป็นโรคซึมเศร้า
ตนเพิ่งเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก คือ ที่พูลวิลล่าใน อ.หัวหิน โดยมักจะเป็นเวลาที่เขาโกรธหรือเครียดก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยตนไม่ได้อยู่กับนุชตลอด เพราะต่างคนต่างทำงาน ทั้งบอกอีกว่า นุชและทหารหญิง มักจะไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ทหารหญิงคนนี้ชอบเที่ยว ชอบดื่ม และชอบแซวหนุ่ม ๆ จนกระทั่งได้แนะนำให้ตนรู้จักกับนุช และกลายมาเป็นแฟนกัน
ส่วนนิสัยของทหารหญิง ตนขอนิยามคำสั้น ๆ ว่า “แถ” คือ ชอบโกหก เถียง และตนก็พยายามอบรมสั่งสอนให้เลิกโกหก ถึงขั้นขอร้องให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ ตนเชื่อว่า ทหารหญิงคงไปยั่วให้นุชโกรธ ทั้งๆที่รู้ว่า ถ้าโมโหนุชก็จะทำแบบนี้ ที่ผ่านมาเราทั้งสองคนได้เคยไล่ให้ทหารหญิงคนนี้ไปอยู่ที่อื่น แต่เขาก็ไม่ยอมไป แถมยังมาขอโอกาสแก้ตัว ถึงขั้นที่แฟนสาวของตนเองต้องโทรศัพท์มากลางดึกเพื่อขอให้รับทหารหญิงคนนี้ออกไปจากชีวิต ซึ่งตนและแฟนสาวก็รู้ว่า ทหารหญิงคนนี้กำลังจะทำอะไรต่อไป
นอกจากเรื่องราวทางคดีความ และการออกมาแฉพฤติกรรมของทั้งสองฝ่ายแล้ว คดีนี้ยังลุกลามกลายเป็นดรามาเพิ่มเติม โดยเพจ “Drama-addict” ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า ทหารท่านหนึ่งระบายมาให้ฟังดังนี้ครับ เรื่องสิบตำรวจโทหญิงคนนั้น สงสารตำรวจทหารที่ลงพื้นที่ไปปฎิบัติหน้าที่เสี่ยงชีวิต กลับต้องเจออะไรแบบนี้
โดยข้อความที่ทางเพจ “Drama-addict” ได้นำมาเผยแพร่ระบุว่า ขอหลังไมค์ครับ เรื่องสิบตำรวจหญิง ผมเป็นข้าราชการที่ลงมาปฏิบัติงานที่ชายแดน 3 จังหวัด พวกนี้เป็นกาฝากและเบียดเบียนอัตรากำลังพล ซึ่งทำให้ได้กำลังพลที่จะต้องลงไปทำหน้าที่น้อยลง ยกตัวอย่างหน่วยของผมจะได้กำลังพล 20 คน แต่ก็ต้องถูกเบียดเพื่อเอาคนกลุ่มนี้เข้ามา 1-2 ตำแหน่ง ปัจจุบัน การทำงาน คือ ต้องคงอัตราคนที่ปฏิบัติงาน 70 เปอร์เซนต์ และอีก 30 เปอร์เซนต์ จะพักสลับหมุนเวียนกัน
เรื่องนี้เป็นปัญหาตั้งแต่ปี 2561 มีการตรวจสอบเนื่องจากพวกที่มีชื่อออกจากชายแดน 3 จังหวัด แต่มีเบี้ยเลี้ยงไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งทับซ้อนกัน จึงเป็นที่มาของการตกค้างการจ่ายเงินเพิ่มเติมพิเศษสำหรับการสู้รบ หรือ พ.ส.ร. และการเพิ่มวันทวีคูณ ตั้งแต่ปี 2561จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับ เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยทำอะไรไม่ได้ ผมคิดว่าสังคมควรจะต้องรับรู้เรื่องราวแบบนี้ในวงการข้าราชการ
ติดตาม รายการ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35