วิลลี่ เปิดธุรกิจ Dr. Pets CBD เปิดใจหลังคุณแม่จากไปอย่างกะทันหัน เตรียมบินรับอัฐิมาทำบุญที่ไทย

        วิลลี่ แมคอินทอช เปิดธุรกิจ Dr. Pets CBD  ในงาน “Dr.CBD Grand Opening” เปิดใจอย่างเข้มแข็ง หลังคุณแม่ยุรภรณ์ แมคอินทอช วัย 86 ปี จากไปอย่างกะทันหันที่ประเทศอังกฤษ เตรียมบินรับอัฐิมาทำบุญที่ไทยต่อ สัปดาห์หน้า เชื่อคุณแม่ไปสบาย ภูมิใจดูแลแม่จนถึงวินาทีสุดท้าย

เป็นคนบันเทิงคนแรก ๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ CBD?

               “ตั้งแต่ปลดล็อก เราก็คิดว่าประเทศเราสามารถเป็นฐานการผลิตได้ ที่เราควบคุมได้ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ  และสามารถทำสู้ราคาต่างประเทศได้ เราเอาส่วนที่ดีของ กัญชง กัญชา กระท่อม มาแก้ปัญหาให้กับน้องหมาน้องแมว ไม่ใช่ THC ซึ่งเป็นสารเมา เรามีงานวิจัยรองรับแบบต่างประเทศ และวางแผนไว้ว่าจะทำส่งขายต่างประเทศด้วยเหมือนกัน ซึ่งเราจะวางจำหน่ายช่วงเดือน ต.ค.”

ลงทุนไปเยอะแค่ไหน?

               “ลงทุนค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เพราะตลาดนี้ใหญ่มากในต่างประเทศ อย่าง อเมริกา แต่ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีใครทำ ตอนนี้ แหวนแต่งงานของเมีย 3 กระรัต หายไปแล้ว เพื่องานนี้  ถ้าใครเกิดทันไปงานแต่งผม สีสวยมาก วงนั้นไปแล้ว เพื่อมาทำงานนี้  อันนี้เรื่องจริง ให้ทุกคนไปทำข่าวไงว่าแหวนก็ไม่อยู่แล้ว เดี๋ยวพองานนี้สำเร็จจะซื้อให้ใหม่ใหญ่กว่าเดิม เพราะตอนนี้เขาบวมขึ้นเยอะ แหวนต้องเม็ดเป้งเลย ต้องใหญ่เลย (หัวเราะ)”

ตลาดเมืองไทยบางส่วนที่ไม่ยอมรับเรื่องกัญชง กัญชา กระท่อม?

             “อันดับแรกต้องเข้าใจว่า Dr.Pets CBD เอากัญชง กัญชา และกระท่อมไปสกัด จนได้เป็นสารสกัดตัวยา แล้วค่อยไปทดลองในสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งได้ผลดี เราไม่มีการยำ มวน ไปเผา แล้วพ่นใส่น้องหมา แล้วน้องหมาจะหาย ไม่ใช่นะครับ มีการใช้สัดส่วนนำไปประกอบกับสมุนไพรต่าง ๆ แล้วสามารถแก้ไขปัญหาของน้องหมา น้องแมวได้  ซึ่งค่อนข้างมีความเฉพาะเจาะจง แต่ถ้าน้องมีอาการหนัก ต้องให้สัตวแพทย์เป็นคนออกให้ ซึ่งเราน่าจะเป็นเจ้าแรกในเมืองไทย ที่จะตอบโจทย์เรื่องนี้ให้เป็นทางเลือก”

ทำไมถึงมาจับมือกับ ดร. ซีบีดี?

               “ผมรู้จักกับพี่ต๊อบ  ได้ดูโรงงานและสายการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้าย และบอกว่าจริง ๆ แล้วมีสิ่งที่เรายังขาดอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ภรรยาผมไม่สบาย ไปโรงพยาบาล ผมก็จะบอกว่าที่รักอย่าลืมค้างคืนนะ จะได้เคลมประกันได้ แต่น้องหมาเราพูดไม่ได้ พาไปหาหมอ เราก็จะบอกว่าเท่าไหร่ก็ได้นะหมออย่าให้ตาย เพราะฉะนั้นการทุ่มเทมันต่างกันมาก เรารักเขาเหมือนคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นน่าจะต้องตอบโจทย์กับคนที่มีสุนัข มีหมา มีแมว มีสัตว์เลี้ยง ที่พูดไม่ได้และเขารักมาก ๆ เราก็ต้องทำให้เขาอยู่กับเราให้นานที่สุด และไม่ทรมานที่สุด จริง ๆ เราอยากเริ่มจากปลาคราฟ แต่พอเอาไปละลายน้ำแล้ว หายไปหมดเลย เดี๋ยวในอนาคตอาจจะมีวอเตอร์เบสที่ใส่ไปในบ่อแล้วปลาเคลิ้มเลย”

ขออนุญาตถามถึงงานของคุณแม่พี่วิลลี่?

             “คิดว่าน่าจะจัดงานช่วงวันที่ 29 30 และ 31 ก.ค. นี้ ที่ประเทศไทย สถานที่เป็นวัดธาตุทอง เดี๋ยวพี่จะบินไปอังกฤษวันจันทร์ที่ 25 ก.ค. และรับคุณแม่กลับมาวันอังคารที่ 26 ก.ค. ตอนนี้สถานทูตไทยที่อังกฤษ ได้เก็บอัฐิ ของคุณแม่เรียบร้อยแล้ว หลังจากได้ฌาปกิจที่อังกฤษ พี่ก็ไปรับอัฐิกลับมาอย่างเดียว แล้วทำประกอบพิธีงานบุญ 3 วัน  ซึ่งตอนที่ฌาปกิจที่อังกฤษทั้งตัวพี่และน้องแหม่ม-คัทลียา ไม่มีใครอยู่ครับ ก็บอกว่าอย่าไปเสียชีวิตต่างประเทศนะครับ เขาไม่ได้รอขั้นตอนแบบไทย อะไรทำได้เขาก็ทำ”

เหตุการณ์ที่ขึ้นค่อนข้างกะทันหัน ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?

               “อันดับแรกเลยที่พี่คิดนะ ในใจคิดว่าถ้าคุณแม่ไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่ทรมานแค่นั้นเราพอใจแล้ว แล้วผลลัพท์ก็ออกมาจากคุณหมอที่โน่นที่ได้ทำการชันสูตรแล้วว่าคุณแม่หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เพราะฉะนั้นก็ไปแบบไม่รู้ตัว เพราะมือยังถือแปรงสีฟันอยู่เลย เตรียมที่จะแต่งตัว แสดงว่าท่านไปอย่างสบาย”

เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่กำลังจะกลับเมืองไทย?

               “ใช่ครับ เช้าวันนั้นเลย ตอนที่ไปอังกฤษคุณแม่มีความสุขมาก เขาก็บอกว่าอากาศดีนะ น่าอยู่นะ จริง ๆ ท่านไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลยครับ จริง ๆ เราก็ไม่ได้ทำใจไว้ เพราะไม่มีอาการอะไรเลย  ถ้าไม่สบายก็อยู่ก็อาจจะไปแบบทำใจได้ แต่ท่านไปแบบเฉียบพลัน แล้ววันนั้นก็คงไม่อยากกลับ เพราะกระเป๋าอยู่ข้างล่าง แล้วเรากำลังจะขึ้นไปรับแม่ไปทานอาหารเช้า แต่ว่าท่านอยู่ในห้องน้ำ แล้วก็ปั้มหัวใจไม่ขึ้นแล้ว แต่ว่าท่านอายุ 86 ปี  ท่านอยู่ห้อง 501  ท่านจากไปตอน 07.48 น. ต้องไปบวกลบกันเอง”

พี่วิลลี่ให้กำลังใจกับพี่แหม่มยังไงบ้าง?

               “2 วันแรกก็ร้องไห้กับแหม่มเพราะว่าก็รับไม่ได้ แต่พี่ก็รู้ว่าวันที่ 3 เนี่ย คนตายเขาจะรู้ตัวแล้วนะ แล้วเขาจะมองกลับมาว่าลูก ๆ อยู่ได้ไหม ถ้าเขามองกลับมาเรายังเศร้าว่า แม่ไม่น่าเลย เขาก็ยังจะกังวล ยังมีห่วง เราต้องแข็งแรงที่จะบอกกับแม่ว่าตรงไหนมีแสงสว่างแม่ไปเลยนะ ลูก ๆ อยู่ได้ พี่ก็คุยกับแหม่มตลอดครับว่า สิ่งที่เราทำมาตลอดชีวิต เราเป็นลูกที่ดีนะ เราเป็นลูกที่ดีมาก เราดูแลพ่อแม่จนนาทีสุดท้าย แล้วเขาก็ภาคภูมิใจในตัวเรา แล้วเขาไปแบบไม่ทรมาน ขอแค่นั้น เพราะพอคุณแม่อายุ 86 ปี เพื่อน ๆ เขาก็ไม่สบายกันหลายคน ป่วยติดเตียงกันหลายคน แล้วก็จากไปหลายคน คุณแม่เขาก็นั่งดูเพื่อนเขา ไปทีละคน สองคน เขาก็คงไม่อยากเป็นภาระให้ลูก ก็ไปอย่างมีบุญมาก”

ค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีที่อังกฤษสูงมาก?

               “ค่าใช้จ่ายฟรีครับ เขาทำให้หมดเลยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าจะเอาร่างคุณแม่บินกลับมาเมืองไทย ค่าใช้จ่ายจะอยู่ราวครึ่งล้านบาท ซึ่งพี่ก็จะไปรับอัฐิที่สถานทูตไทยที่อังกฤษ แล้วก็บินกลับมาพร้อมคุณแม่ แต่ตอนกลับออกมาผมต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ผมต้องบอกเจ้าหน้าที่ด้วยว่า นี่พาสปอร์ตผมครับ และนี่พาสปอร์ตแม่ แล้วแม่อยู่ข้างหลังผม ถ้าไม่แสตมป์ออกเขาก็จะตามหาว่าอยู่ไหน”