หนุ่ม ปวช.ทำปืนลั่นใส่ท้องเพื่อนดับ กลับแจ้งเท็จ ล้มหัวฟาดพื้น

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มอายุเพียง 16 ปี ซึ่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ วัยรุ่นลื่นล้มก่อนหมดสติไป แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบพิรุธหลายอย่าง และพอเค้นสอบหนักเข้า เจ้าตัวรับ พลาดทำกระสุนลั่นใส่ท้องเพื่อนดับ

 

ตอนกลางดึก ที่ 7 ก.ค. 65 ตำรวจ สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุ ชายหนุ่มคนหนึ่ง ลื่นล้มศรีษะแตกหมดสติ ภายในบ้านพัก ในการเคหะบางบอน ถนนพระราม 2 แขวง-เขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อไปถึงพบที่เกิดเหตุ เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ที่ชั้นดาดฟ้าบนสุด พบร่าง นาย นก (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักเรียน ปวช.ปี 1 แผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง นอนนิ่งอยู่บนพื้น *ที่หน้าท้องมีบาดแผล คล้ายรอยกระสุนปืน ฝังอยู่ 1 นัด เจ้าหน้าที่พยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่สุดท้ายยื้อไม่ไหวเสียชีวิตลงในจุดเกิดเหตุ

 

ตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบเพื่อนผู้ตายที่เป็นนักเรียนสถาบันเดียวกัน 3 คน โดยทุกคนอยู่ในอาการมีพิรุธ นอกจากนั้นยังพบ กล่องเปล่าที่เอาไว้ใช้ใส่กระสุนปืนจำนวนมาก 

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเริ่มเค้นสอบทีละคน จนสุดท้ายทำให้ นายหรั่ง (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี หนึ่งในเพื่อนสนิทผู้ตาย ยอมนำ อาวุธปืน ดัดแปลง พร้อมปลอกกระสุนที่ยิงไป 1 นัด ออกมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนเปิดปากรับสารภาพว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นของตนเอง ซื้อมาในราคา 6,000 บาท 

 

ก่อนเกิดเหตุชักชวนผู้ตายมานั่งเล่นที่บ้านเพื่อน แล้วชวนกันขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อทดลองยิงปืนเล่นกัน  ระหว่างกำลังทดสอบปืนนั้น ตนหันปากกระบอกไปในทิศทางปลอดภัย ยิงไปทีแรกปืนกลับไม่ลั่น 

จึงคิดว่าปืนเสียหาย จึงคิดอุตริจ่อปืนไปที่ท้องของผู้ตายแล้วลั่นไก ทว่าคราวนี้ปืนดันลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนเจาะเข้าที่ท้องเพื่อนจนล้มฟุบ ก่อนพากันวางแผนโทรศัพท์แจ้ง 191 ว่าเพื่อนลื่นล้มได้รับบาดเจ็บหมดสติ

 

ด้าน อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นคนแรก บอกว่า เคสผู้เสียชีวิตกรณีนี้ หากผู้แจ้ง โทรศัพท์แจ้งข้อเท็จจริงตั้งแต่แรก ทางเจ้าหน้าที่ก็จะรีบจัดส่งรถพยาบาลที่มีอุปกรณ์สำหรับการกู้ชีพอย่างครบครัน เข้ามาในที่เกิดเหตุก่อน ซึ่งอาจจะยื้อชีวิตเหยื่อกระสุนเอาไว้ได้ 

 

แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุกลับวางแผนโทรศัพท์แจ้งข้อมูลเท็จ ทางหน่วยกู้ภัยชุดแรกที่เข้ามาตรวจสอบจึงมีแค่อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น กว่าจะได้รับการยืนยันว่า ผู้บาดเจ็บถูกยิง ก็กินเวลานานมากแล้ว จึงถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจส่งผลร้ายแรงถึงชีวิต ต่อตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ และ ผู้แจ้งเท็จอาจถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกด้วย

 

เบื้องต้น ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมอาวุธปืนของกลาง และเพื่อน ๆ ที่อยู่ด้วยกันทั้งหมด ไปดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนศพของผู้เสียชีวิต จะมอบให้แพทย์ไปทำการผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อประสานญาติมารับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป