ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เกิดเหตุชายฉกรรจ์นับ 30 คน บุกทำร้าย มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
เมือคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์หลาย 10 คน ไล่รุมทำร้ายกัน บริเวณหน้าร้านคาเฟแห่งหนึ่ง ย่านภาษีเจริญ เหตุการณ์นี้ ตำรวจต้องใช้กำลังหลายสิบนายเข้าระงับเหตุ ต้องใช้โดรนบินตรวจพื้นที่ก่อนเข้า เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน หลังเข้าระงับเหตุสามารถยึดปืนได้ 3 กระบอก คุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนได้ 24 คน
เรื่องนี้ เดิมทีเจ้าของร้านคนแรกชื่อ คุณ ม. เป็นคนทำร้านคาเฟนี้ขึ้นมา และช่วงปีที่แล้ว คุณ ม.ได้นำหุ้นร้าน 51 ไปขายให้กับเจ้าของใหม่ที่ชื่อ คุณ ธ. และมีการกู้ยืมเงินกันอีกจำนวนหนึ่ง ต่อมามีการไม่ชำระหนี้สินที่ยืมกัน คุณ ธ. จึงเข้ามาบริหารร้านแทน แต่ คุณ ม. ไม่ยอม นำกำลังคนมาขับไล่คนของคุณ ธ. ออกจากร้าน และนำกำลังคนกว่า 20 ราย เข้ามาคุมร้านแทน คุณ ธ. จึงมอบอำนาจให้ลูกน้องนำเอกสารไปแสดงเพื่อเข้ายึดพื้นที่คืน เป็นเหตุให้เกิดการปะทะกัน เรื่องนี้คุณ ม. อ้างว่า ถูกปลอมแปลงเอกสาร ทำให้ต้องเสียร้านไป จึงต้องการเอาร้านคืน
วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังคาเฟแห่งนี้ พอไปถึงได้พบคนอยู่ในร้านจำนวนมาก และได้สอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่คนที่อยู่ด้านในร้าน ให้ข้อมูลว่าเป็นเพียงญาติเข้ามาดูแลพื้นที่ ไม่ทราบข้อมูล และไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล และได้ขอเบอร์ผู้สื่อข่าวเอาไว้ หากสะดวกจะโทรศัพท์เรียกมาให้ข้อมูล ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายเช ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจเจ้าของร้านคนใหม่ และเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการประทะกันเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
โดย นายเช นามสมมุติ ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยรับเรื่องจากเจ้าของเก่าว่าถูกหุ้นส่วนปลอมแปลงเอกสาร แล้วนำคนมาบุกยึดร้านคาเฟดังกล่าว ตนจึงเข้าช่วยเหลือ เข้าไปเจรจากับฝ่ายคู่กรณี หลังได้เจรจาพบว่า คู่กรณีมีเอกสารถูกต้องทุกอย่าง การเข้าพื้นที่ก็ถูกต้อง และในการเจรจาทางเจ้าของร้านคนเก่าได้ตกลงจะยอมใช้หนี้ก้อนแรก 30 ล้านบาท ให้คู่กรณี แลกกับการขอบริหารตามเดิม ทางคู่กรณีก็ตกลง ตอนนั้นตนคิดว่าเรื่องจะจบด้วยดี ตนจึงผันตัวไปอยู่ฝ่ายคู่กรณี
แต่พอถึงกำหนดระยะเวลาที่ต้องจ่ายเงินก้อนแรก 30 ล้านบาท ทางเจ้าของเก่ากลับผิดนัดไม่ยอมจ่าย ทางคู่กรณีจึงเข้ายึดร้านและมีการโอนหุ้นร้านถูกต้อง กรรมการร้านก็เห็นสมควรด้วย จึงเข้ามาบริหารร้าน โดยมี รปภ. มาดูแลพื้นที่ 7 คน
ต่อมาวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา เป็นวันเกิดเหตุช่วง 11.00 น. เจ้าของร้านเก่าได้นำกำลังคนกว่า 20 ราย เข้ามาบุกยึดร้านคืน และกดดันให้ รปภ.ของเจ้าของร้านคนใหม่ ออกจากพื้นที่ทั้งหมด เจ้าของร้านคนใหม่จึงเข้าแจ้งความข้อหาบุกรุก และได้รับมอบอำนาจให้นำเอกสารการครอบครองสถานที่ไปแสดงให้ชายฉกรรจ์ที่เข้าบุกรุกที่ร้านดู เพื่อขอพื้นที่คืน ตนเองจึงนำคนไปประมาณ 20 คน พอตนเดินไปยังไม่ถึงร้าน ได้มีชายฉกรรจ์จำนวนมากวิ่งกรูกันออกมา ทั้งอาวุธมีดและปืน ออกมาไล่ทำร้ายกลุ่มตน กลุ่มพวกตนจึงวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง ตนอายุเยอะแล้ววิ่งหนีไม่ทัน ถูกไม้ตีเข้าที่หัวไหล่จะกระดูกร้าว ต้องหามส่งโรงพยาบาล
พันตำรวจโท อนันต์ วงทาษี รอง.ผกก.ป รรท.ผู้กำกับ สน.บางเสาธง ให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้เกิดจากหุ้นส่วนร้านคาเฟ 2 คน มีข้อพิพาทกันเรื่องสิทธิครอบครองร้าน ต่างฝ่ายต่างมีการเอาคนของตัวเองเข้ามาดูแลพื้นที่ร้าน ทางเราเชิญทั้ง 2 ฝ่าย มาตั้งโต๊ะเจรจากันแล้วถึง 5 ครั้ง ทั้ง 2 ฝ่าย ก็มีทนายมาเจรา โดยมีตนเป็นคนกลางให้ พยายามไกล่เกลี่ยให้ ก็เหมือนจะจบลงด้วยดี
แต่วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงเย็น ฝ่ายเจ้าของใหม่ได้มาแจ้งความว่าถูกบุกรุกร้านคาเฟแห่งนี้ ตำรวจจึงรับแจ้งความไว้ รอเรียกอีกฝ่ายเข้ามาเจรจาอีกรอบ ต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น. เราได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายกัน มีการใช้อาวุธปืนยิงออกมาจากในร้านดังกล่าว ตนจึงนำกำลังตำรวจเข้าระงับ พอไปถึงที่เกิดเหตุ พบมีชายฉกรรจ์อยู่ในร้านดังกล่าวกว่า 30 คน จึงรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา เรียกกำลังเสริมกว่า 30 นาย เข้าระงับเหตุ ต้องใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่
หลังเข้าตรวจค้น พบอาวุธปืน 3 กระบอก มีด 5 เล่ม จึงเชิญตัวผู้ต้องสงสัย 24 คน มาสอบสวนที่โรงพัก มี 2 คน แสดงตัวเป็นเจ้าของปืน เบื้องต้น ทางเรากำลังตรวจสอบหาเจ้าของปืนอีกกระบอก และตรวจหาคราบเขม่าดินปืนในร่างกายผู้ก่อเหตุ จากนี้ก็จะส่งสายตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบร้านคาเฟดังกล่าวให้มากขึ้น
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม