กระทรวงการคลังลงนามสัญญาเงินกู้ากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า วงเงิน 50,000 ล้านเยน หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายโมริตะ ทาคาฮิโร่ หัวหน้าผู้แทนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า (Japan International Cooperation Agency: JICA) ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาเงินกู้ วงเงิน 50,000 ล้านเยน หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท
โดยเงินกู้ดังกล่าวเป็นนโยบายการปล่อยเงินกู้ของรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อใช้เงินกู้แก่ประเทศต่างๆ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาและบรรเบาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด (COVID-19 Crisis Response Emergency Support Loan) ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 0.01 อายุเงินกู้ 15 ปี ระยะเวลาปลอดเงินต้น 4 ปี โดยกระทรวงการคลังจะเสียดอกเบี้ยเพียงปีละ 1.3 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ การดำเนินการกู้เงินของกระทรวงการคลังในครั้งนี้เป็นไปตาม “พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564” เพื่อใช้ในการแก้ใชและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในประเทศไทย
นอกจากนั้น เงินกู้ในครั้งนี้จะนำไปใช้เยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนและใช้รักษาระดับการจ้างงานเพื่อป้องกันอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงระบาดของโรคโควิด19 รวมไปถึงใช้สนับสนุนด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการป้องกันและรักษาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด
อีกทั้งเงินกู้ในครั้งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกันกับช่องก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด19 เนื่องจากเป็นการเพิ่มแหล่งทุนขนาดใหญ่และมีระยะยาว รวมไปถึงดอกเบี้ยต่ำเข้าสู่ประเทศ