ปิดข่าวเงียบ! กรณีครูสาวโดดตึกปลิดชีพตัวเอง เหตุหายอดนร.ใหม่ไม่เข้าเป้า #ถกข่าวร้อน

มาที่ประเด็นร้อนในแวดวงการศึกษาไทยกันบ้าง หลังโลกออนไลน์ได้มีการนำภาพงานศพของคุณครูท่านหนึ่ง ซึ่งตัดสินใจกระโดดจากชั้น 5 ของอาคารเรียนที่เธอสอนอยู่ลงมาจนเสียชีวิต โดยสาเหตุมาจากความเครียดที่ไม่สามารถหายอดนักเรียนให้มาเข้าเรียนตามที่โรงเรียนกำหนดไว้ แถมยังถูกเรียกไปด่าทอจนได้รับความอับอาย

 

             เพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” ได้มีการโพสต์ภาพงานศพและข้อความ ระบุว่า #เผาวันนี้ โรงเรียนอะไร ปิดข่าวเก่งจัง ปิดข่าวแน่นสนิท ปิดสนิทจนคนในแปดริ้วยังไม่รู้เรื่อง สงสัยจะใหญ่จริง ขนาดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.ยังไม่รู้เรื่องเลย 

 

             อาจารย์คนหนึ่งของโรงเรียนชื่อดังเมืองแปดริ้วเครียดหนัก เพราะถูกบังคับให้หานักเรียนใหม่เข้ามาเรียนตามยอดที่กำหนดไว้ พอใกล้เปิดเทอมเมื่อเป้ายังไม่ถึง จึงถูกเรียกไปต่อว่าและด่าจนอับอาย จึงทำให้เธอกดดันและคิดสั้น ดิ่งตึกของอาคารเรียนที่ชั้น 5 ลงมาเสียชีวิต แม้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นในโรงเรียน แต่ทุกอย่างกลับถูกปิดมิดให้เป็นความลับพร้อมคำสั่งห้ามให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกไป และยังกำชับให้ทุกคนบอกไปในทิศทางเดียวกันว่า สาเหตุมาจากความเครียดส่วนตัวเรื่องปัญหาหนี้สิน

 

             นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยข้อความในแชทส่วนตัว ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนคุณครูที่กระโดดตึก ยืนยันว่า สถาบันการศึกษาแห่งนี้มีการบังคับให้ครูทำยอดจริง หากทำไม่ได้ตามเป้าจะโดนหักเงินเดือนเกือบหมื่น สุดท้ายเธอโดนไล่ออก

 

             โดยทางเพจยังมีการระบุข้อความอีกว่า คุณครูที่กระโดดตึกชั้น 5 วันนี้จะเผาแล้ว ยังจะพยายามปกปิดต่อ ไม่บอกข้อมูลใดๆกับสื่ออีก แถมสั่งเพจจังหวัดห้ามโพสต์ข่าวนี้ บรรดาลูกศิษย์ถามแค่ชื่อวัด เพราะจะไปร่วมส่งอาจารย์แกเป็นครั้งสุดท้าย แต่แค่ชื่อวัดยังไม่ยอมบอกหรือว่ามีเรื่องเน่าๆที่ชาวบ้านห้ามรู้

 

             ทีมข่าวได้สอบเกี่ยวกับเรื่องของกระบวนการหายอดเด็กนักเรียนกับ ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น ประธานที่ปรึกษาที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย หรือ ทปสท. ซึ่งทางอาจารย์เชษฐายืนยันว่า การหายอดนักเรียนของโรงเรียนต่างๆเกิดขึ้นจริง และมีมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยโศกนาฎกรรมของคุณครูท่านนี้ กลายเป็นผลสะท้อนให้สังคมไทยได้เห็นว่า ธุรกิจด้านการศึกษาในปัจจุบันมีความกดดันจากยอดของนักเรียนที่จะเข้ามาเรียน ซึ่งหลายๆโรงเรียนจะต้องพึ่งพาค่าเทอมจากเด็กนักเรียนเพื่อให้สถานศึกษาเดินหน้าต่อไปได้ จึงได้นำรูปแบบการหายอดนักเรียนมาให้คุณครูในโรงเรียนทำหน้าที่หาเด็กเข้าเรียน