หนุ่มพนง.ร้านสะดวกซื้ออ่วม! โดนแก๊งโจ๋รุมทำร้าย เหตุเตือนให้ใส่แมสก์ #ถกข่าวร้อน

             ภาพจากวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์พนังงานชายของร้านถูกรุมทำร้ายไว้ได้ ในภาพจะเห็นว่าพนักงานชายของร้านสะดวกซื้อ ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาย 4 คน รุมทำร้ายภายในร้าน ก่อนจะถูกลากออกมานอกร้าน แล้วร่วมกันทั้งต่อยพนักงานจนล้มทั้งยืน จากนั้นก็ทั้งเตะ กระทืบพนักงานชายคนดังกล่าว เหตุเกิดขึ้นช่วงเกือบ 01.00 น.วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

 

             ผู้สื่อข่าวของเราลงพื้นที่เกิดเหตุ เป็นร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่ตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ได้พบกับผู้บาดเจ็บคือ นายพัทธมน มาลัย อายุ 19 ปี เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อดังกล่าว

 

             ผู้บาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่กำลังขายสินค้าอยู่ในร้าน จู่ ๆ มีวัยรุ่นชายเดินเข้ามาในร้าน ท่าทางเมาสุรา จึงเตือนขอให้สวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้า พอเตือนเท่านั้นแหละก็ทำให้วัยรุ่นชายคนดังกล่าวไม่พอใจ พูดจาหยาบคายใส่ จากนั้นวัยรุ่นชายก็ทิ้งถุงน้ำแข็งที่กำลังถือ พยายามชกไปที่หน้าของตน แต่ตนเองหลบได้ จึงป้องกันตัวด้วยการต่อยสวนกลับไปจนเกิดเหตุชุลมุน แต่วัยรุ่นชายที่ไม่ใส่แมสสู้ไม่ไหว เดินออกไปตามพวกที่อยู่หน้าร้านอีก 3 คนมาสมทบ แล้วรุมทำร้ายอยู่มุมภายในร้านร้าน เท่านั้นยีงไม่พอทั้งหมดยังกระชากตนเองออกไปนอกร้าน ก่อนจะรุมกระทืบและเตะเข้าที่ใบหน้าหลายครั้งจนสลบไป โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามห้ามชายวัยรุ่นทั้งหมดให้หยุดพฤติกรรม และพยายามปลุกตนเองจนฟื้นขึ้นมา หลังจากเกิดเหตุตนเองได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี และไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อดูว่ามีบาดแผลจุดใดบ้าง อาการหนักหรือไม่ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าหลายแห่ง อาการบาดเจ็บขณะนี้ยังมีอาการปวดหัวตลอดเวลา พร้อมระบุว่าตั้งแต่เกิดมาอายุ 19 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต ทำให้ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวมาก

 

             ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี ตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้งหมดได้แล้ว ประกอบด้วย นายอานนท์ นวลวิลัย, นายอาทิตย์ คงสุคนธ์, นายขจรศักดิ์ พวงแฉล้ม และนายศักดิ์ดา รุ่งโรจน์

 

             เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนข้อหาอื่น ๆ ต้องรอดูอาการของผู้บาดเจ็บ และสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หากพบเข้าข่ายความผิดใดเพิ่มเติม ก็จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป