กทม. สั่งมอบหมายให้ 50 เขตพิจารณาเปิดศูนย์พักคอยฯเพิ่ม หากมีผู้ป่วยครองเตียงเกิน ร้อยละ 80 ขณะที่ตอนนี้ โรงพยาบาลสนามมีผู้ป่วย ร้อยละ 83.68 และ Hospitel ร้อยละ 100 พบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม นักเรียน-ครู ปัจจัยหลักเกิดจากการติดเชื้อในครอบครัว
วันที่ 16 ก.พ. 2565 พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ที่ผ่านมาสำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ กทม. ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงการเตรียมพร้อมสถานพยาบาลเพื่อผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้ 50 เขตพิจารณาเปิดศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเพิ่มเติม ในกรณีที่ศูนย์พักคอยฯ ซึ่งเปิดดำเนินการอยู่แล้วมีจำนวนผู้ป่วยครองเตียงมากกว่า ร้อยละ 80
ซึ่งในขณะนี้มีอัตราผู้ป่วยครองเตียงในรพ.ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักการแพทย์ ร้อยละ 94.38 ในโรงพยาบาลสนาม ร้อยละ 83.68 ใน Hospitel ร้อยละ 100 และศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ ร้อยละ 36.28 อย่างไรก็ตามในขณะนี้กรุงเทพมหานครได้ให้บริการวัคซีนกับกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์) เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการเกิดอาการรุนแรงของโรค ไปแล้วกว่า 2,214,467 คน โดยเป็นวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 90.72 เข็มที่ 2 ร้อยละ 82.69 และเข็มที่ 3 ร้อยละ 41.02
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 ก.พ. 65 พบการระบาดในสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล – มัธยมศึกษาหลายแห่ง โดยพบผู้ติดเชื้อทั้งในกลุ่มครู นักเรียน และกลุ่มนักเรียนที่เก็บตัวฝึกซ้อมในโรงเรียน จากการสอบสวนโรคพบว่า สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงในการระบาด ได้แก่ การติดเชื้อจากบุคคลในครอบครัว การติดเชื้อของครูผู้สอน การติดเชื้อจากจุดสัมผัสที่ใช้ร่วมกันห้องน้ำ และการทำกิจกรรมร่วมกันโดยที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย
นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเกิดจากการรับประทานอาหารร่วมกัน การดื่มน้ำจากกระติกเดียวกัน และการรวมกลุ่ม พูดคุยโดยไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย และการติดเชื้อในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากผู้ที่มาจากข้างนอกศูนย์ฯ สัมผัสเชื้อหรือติดเชื้อ และนำมาแพร่สู่ผู้สูงอายุในศูนย์
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบช่องทางการติดต่อหากพบว่าตนเองติดเชื้อ โดยสามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน สปสช.1330 กด 14 และศูนย์ EOC ของ 50 สำนักงานเขต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง