วันที่ 3 ม.ค.65 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ผ่านมากว่า 1 เดือน ทำให้เรามีข้อมูลและรู้จักสายพันธุ์โอมิครอนมากขึ้น ซึ่งเรารู้ว่าติดต่อง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม หลบหลีกภูมิต้านทาน การให้วัคซีน 2 เข็ม ไม่เพียงพอแน่นอน ต้องการระดับภูมิต้านทานที่อยู่สูงตลอดเวลา เพื่อลดความรุนแรงของโรค
ขณะที่ โอมิครอน รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น จากข้อมูลของประเทศแอฟริกาใต้ อังกฤษ และเดนมาร์ก เห็นชัดเจนว่าผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น แต่จำนวนที่จะต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นเพียง 1 ใน 3 ของสายพันธุ์เดลตา และมีอัตราการเสียชีวิตน้อยลง
“เรารู้ว่า โอมิครอน ชอบระบบทางเดินหายใจส่วนบน มากกว่าที่จะลงปอด ถ้าจะตรวจหาโอมิครอน ใช้ตัวอย่างทางน้ำลาย ตรวจได้ดี และดีกว่าป้ายจากจมูก เพราะเชื้อชอบลำคอ ทั่วโลกมีการระบาดอย่างมาก โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป ทั้งที่ฉีดวัคซีน mRNA เป็นวัคซีนหลัก สายพันธุ์นี้ได้ระบาดไปทั่วโลกแล้ว และกำลังมีอัตราเร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อัตราการเสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม”
หมอยงระบุด้วยว่า ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ทั่วโลกขณะนี้มีอัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างมาก ถ้าเปรียบเทียบกับการระบาดในปีแรก ในยุโรปและอเมริกามีอัตราการติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จะว่าเป็นไปตามฤดูกาลของไข้หวัดใหญ่ในซีกโลกเหนือ จะระบาดมากในฤดูหนาว จริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดออสเตรเลียซึ่งเป็นซีกโลกใต้ ไม่ใช่ฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ก็มีอุบัติการณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะที่อินโดนีเซียและชิลี ยังไม่มีการระบาดมากแบบออสเตรเลียซึ่งอยู่ซีกโลกใต้ ฤดูกาลหรืออากาศหนาวก็ไม่น่าจะเป็นเหตุ
"ประเทศไทยคงจะต้องถอดบทเรียนจากประเทศต่างๆ เพื่อมาใช้ในมาตรการป้องกัน โอมิครอนอาจจะมาช่วยปิดเกม เพราะเราเร่งการฉีดวัคซีน ทำได้เฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่กำลังพัฒนา อาจจะต้องให้โอมิครอนช่วยสร้างภูมิต้านทาน ซึ่งโอมิครอน อาจจะไม่ดีสำหรับบริษัทวัคซีนก็ได้"
+ อ่านเพิ่มเติม