วันที่ 2 พ.ย.64. เพจ "หมอแล็บแพนด้า" ได้แสดงความเป็นห่วง พร้อมฝากไปถึงผู้ปกครอง ช่วยสอดส่องดูแลบุตรหลาน ให้ดี หลังโพสต์ภาพที่แคปมาจาก "TikTok" ของผู้ใช้รายหนึ่ง ที่ระบุข้อความไว้ว่า "ฟิวใครฟิวมัน วัยรุ่น...กาแฟ กำลังฮิต" พร้อมภาพการดื่มกาแฟของวัยรุ่นรายหนึ่ง ที่นำยาเสพติด “ยาอี” ผสมลงในกาแฟ
บรรดาชาวเน็ต เห็นแล้ว ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า อันตรายมาก เป็นการดัดแปลง แบบเดียวกับ”เคนมผง” ที่ถึงตายเลยทีเดียว หากวัยรุ่นฮิตกันจริงๆ ไม่ใช่เป็นการสร้างคอนเทนต์เพิ่อหวังแค่ยอดไลก์ยอดแชร์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ อ.อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ได้ออกมาเตือนภัยถึงเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกันว่า “ในเคส”กาแฟผสมยาอี” ถือว่าอันตรายต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะการเอาไปโฆษณาจูงใจในโซเชียลมีเดีย ที่วัยรุ่นเข้าถึงง่าย พูดง่ายๆ คือเป็นการผสมกันระหว่างกาแฟกับยาอี เพื่อเสริมการออกฤทธิ์ของยาเสพติด คล้ายกับการผสม “เคนมผง” เพราะตัวกาแฟเองจะมี “คาเฟอีน” ที่มีฤทธิ์อ่อนๆอยู่แล้ว ในการกระตุ้นประสาท พอมียาอีไปเสริม นอกจากจะกระปรี้กระเปร่าตามปกติ ก็จะมีทำให้เกิดภาพหลอน กระตุ้นประสาท ด้วยฤทธิ์ของยาอีร่วมด้วย หัวใจเต้นเร็วขึ้น ถ้าใส่ไม่มีลิมิต ปริมาณมาก ก็เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
สำหรับยาอี (Ecstasy) เป็นสารสังเคราะห์ ออกฤทธิ์ทั้งกระตุ้นประสาท และหลอนประสาท จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 สำหรับความผิดในกรณีมีไว้ครอบครอง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี 1 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท หากเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไปถือว่าเป็นการครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนกรณี เสพ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 พันบาท ถึง 1 แสนบาท
+ อ่านเพิ่มเติม