ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับการระบาดในวงกว้าง (Pandemic) โคโรน่าไวรัส 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งตอนนี้เริ่มระบาดและกระจายเป็นวงกว้าง อาวุธสำคัญที่มนุษย์มีไว้ใช้จัดการกับเชื้อโรคเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนมีติดตัวกันมาตั้งแต่กำเนิดนั่นก็คือ ภูมิคุ้มกันครอบจักรวาล (Innate Immunity)
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคชนิดไหน เคยเจอเชื้อมาก่อนหรือไม่เคยเจอ ก็สามารถจัดการได้หมด กับระบบภูมิคุ้มกันอีกหนึ่งชนิดที่เรียกว่า ภูมิคุ้มกันแบบจดจำ (Adaptive Immunity) ที่ร่างกายมนุษย์ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด สามารถจดจำเชื้อโรคได้แม่น เมื่อเจออีกครั้งก็พุ่งตรงกำจัดได้อย่างรวดเร็วทันทีเป็นทัพเสริมที่สำคัญ ปัจจุบันเราอาศัยการรู้ระบบนี้ มาทำวัคซีนชนิดต่างๆ
แต่อย่าลืมว่า ภูมิคุ้มกันอีกระบบหนึ่งซึ่งมีตั้งแต่กำเนิดและพร้อมจัดการแม้ไม่รู้จักเชื้อมาก่อน (Innate Immunity ) นั้นสำคัญมาก อาหารและอารมณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน การทานอาหารให้เป็นยา คือกุญแจสำคัญอย่างยิ่งในสภาวะเช่นนี้ ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี (Innate Immunity) จากอาหารที่เราทาน รวมถึงอีกหนึ่งปัจจัย คือ Function food
โดยทางแพทย์หญิงกอบกุลยา จึงประเสริฐศรี แพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน ผู้อำนวยการศูนย์ Premier Life Center โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้แนะนำวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายต้านโควิด ดังนี้
7 วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันต้านโควิด
- Vitamin C ด่านสำคัญที่ช่วยทั้ง Anti-oxidant และช่วยการทำงานเม็ดเลือดขาว lymphocyte และ neutrophil ในขบวนการจับกินเชื้อโรค (phagocytosis) dose 500-2,000 mg/day ทานหลังอาหารจะช่วยลดการระคายเคืองกระเพาะอาหารจากกรด Ascorbic และทานช่วงเช้าจะทำให้ไตขับออกได้ดี ลดโอกาสการตกค้างเป็นนิ่วที่ไต
- Vitamin D ดีสมชื่อ อารมณ์ดี ภูมิคุ้มกันดี หลับสบาย กระดูกแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันทั้ง Adaptive (ภูมิคุ้มกันแบบจดจำ ต้องเคยเจอเชื้อมาก่อนถึงกำจัดได้) และ Innate immunity (ภูมิคุ้มกันแบบครอบจักรวาล ไม่เคยเจอเชื้อมาก่อนก็กำจัดได้) วิตามิน D 3 dose 3,000-5,000 iu/day
อย่าลืมออกแดดรับวิตามินดีเพื่อรับวิตามินดีจากธรรมชาติและเพื่อปรับนาฬิกาชีวิต จะได้หลับสบาย มีคุณภาพ ใส่แขนสั้นขาสั้น ทากันแดดที่หน้าได้ แต่ที่ตัวไม่ทา เพราะกันแดดเพียง SPF 7 ก็ทำให้ไม่สังเคราะห์วิตามินดีที่ผิวหนังได้แล้ว ซึ่งการรับแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้าก่อน 9.00 น. หรือ ช่วงเย็นหลัง 17.00 น. วันละ 15-20 นาที หลังจากรับวิตามินดีแล้วเวลาอื่นจะทากันแดดที่ตัวก็ได้
- Zinc แร่ธาตุสังกะสี โคโรน่าไวรัสทำลายเยื่อบุผิวทางเดินหายใจ และตุ่มรับรสทำให้ 30% ของคนไข้มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น รับรสไม่ได้ และจะเป็นอาการที่หายคืนกลับปกติช้าสุด เสริม chelate Zinc 20-40 mg/day เพื่อช่วยลดการเกาะติดไวรัสกับเซลล์ เพราะ zinc ช่วยลด expression ACE2 Rp. ลดตัวรับโควิดที่เซลล์ ลดการอักเสบ ป้องกันผลแทรกซ้อนทางหลอดเลือดในคนไข้โควิด-19 ฟื้นการรับรสและได้กลิ่น
- NAC N-Acetyl-cysteine ละลายเสมหะ แต่มีฤทธิ์ทั้ง Anti-oxidant และ Anti-Inflammation ลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันปอด เพิ่ม Glutathione ในเซลล์เม็ดเลือดขาว lymphoyte ทำให้กำจัดไวรัสได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงชะลอความรุนแรงของการที่เชื้อลงปอดรับประทาน 600 mg เช้า 600 mg เย็น ( 1,200 mg/day )
- Omega-3 Fish oil ลดการอักเสบของร่างกาย (Anti-inflammation) จากการหลั่งสารอักเสบ cytokine ที่มากเกินหลังการต่อสู้กับเชื้อโรค จึงควรลดอาหารมัน ทอด ปิ้งย่าง เปลี่ยนกรรมวิธีเป็น ต้ม นึ่ง ตุ๋น ที่มีน้ำๆ แทน หรือหากจะรับประทานเสริม omega-3 Fish oil เลือก EPA/DHA ให้ค่าทั้งสองตัวรวมกัน เข้าใกล้ 1,000 ทานต่อวัน
- Probiotic จุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้สำคัญกับภูมิคุ้มกันเป็นอย่างมาก ลำไส้ถือเป็นสมองที่สองของร่างกาย มีระบบการสั่งการประสาทอัตโนมัติของตัวเอง (Enteric Nervous System) และเป็นแหล่งผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีต่อมน้ำเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Payer’s patches) การเติมจุลินทรีย์ที่ดีในร่างกายก็เท่ากับการเติมทหารภูมิคุ้มกัน
ชื่อสายพันธ์จุลินทรีย์ตัวดีที่เรารู้จักกันดี เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium สายพันธุ์ Lactobacillus plantarum และ Lactobacillus rhamnosus ลดอาการของไวรัสทางเดินหายใจได้ดี เสริมภูมิคุ้มกัน อาหารที่มีจุลินทรีย์ดีสูงอยู่ในกิมจิ ถั่วนัตโต (ถั่วเน่าญี่ปุ่ร) โยเกิร์ต หรือทานเสริมเป็น probiotic 10,000 ล้านตัวต่อวัน
- ปรับสภาวะรอบเซลล์ (Extracellar pH) ให้เป็นด่าง เพราะเชื้อโควิดเกาะเซลล์เราแน่นขึ้นถ้าค่ารอบเซลล์เป็นกรด ดังนั้น หลีกเลี่ยงอาหารสภาวะกรด เช่น น้ำตาล pH 4-5 ผลไม้หวานจัด น้ำอัดลม แอลกอฮอล์เนื้อสัตว์ใหญ่ pH 6-7 เน้นทานผักผลไม้ ที่มี pH 8-9 แทน ส่วนโปรตีนที่ดี จะเป็น ปลา ถั่ว ไข่ เห็ดสาหร่าย