วันที่ 26 ส.ค.64 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานพยาบาลทุกแห่ง มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร ทั้งจำนวนเตียงในการรักษา ยา และเวชภัณฑ์ ทำให้หญิงตั้งครรภ์ กังวลว่าหากเกิดป่วยด้วยโรคโควิด 19 และต้องคลอดในขณะที่ยังไม่หายดี หรือตรวจพบว่ามีเชื้อโรคโควิด 19 ในขณะที่จะต้องคลอดฉุกเฉินแล้ว จะทำให้ถูกปฏิเสธการรักษา หรืออาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากหรือไม่นั้น
กรณีดังกล่าว สบส.ขอเรียนว่าสตรีมีครรภ์ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีโอกาสเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 สูงกว่าบุคคลทั่วไป อีกทั้งเด็กที่เกิดก็มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต หรือติดโรคจากแม่ ดังนั้น สถานพยาบาลทุกแห่งจะต้องให้การเฝ้าระวัง ดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด หากตรวจพบว่าคุณแม่ท่านใดมีอาการป่วยด้วยโรคโควิด 19 สถานพยาบาลที่ผู้ป่วยฝากครรภ์ไว้จะต้องให้การดูแลอย่างทันท่วงทีห้ามปฏิเสธการรักษา แต่หากมีข้อจำกัดของบุคลากร หรือเตียงจนไม่สามารถให้บริการรักษาพยาบาล/คลอดฉุกเฉินได้ในขณะนั้น ก็จะต้องมีการดูแลจัดการส่งต่อผู้ตั้งครรภ์ไปยังสถานพยาบาลอื่นตามความเหมาะสม ห้ามทอดทิ้งปล่อยให้ผู้ป่วยหาที่รักษาเอง
ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้สถานพยาบาลทำการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))
ดังนั้น จึงขอให้หญิงตั้งครรภ์มั่นใจว่า หากต้องคลอดแล้วพบว่าป่วยด้วยโรคโควิด 19 ก็จะสามารถรับบริการได้จากสถานพยาบาลใกล้บ้านอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 แต่อย่างใด ซึ่งหากสถานพยาบาลเอกชนใดไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดก็จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากประชาชนประสบปัญหาการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย หรือปฏิเสธการรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติของสถานพยาบาลเอกชน ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน กรม สบส. 1426
+ อ่านเพิ่มเติม