ในโอกาสที่ "หนิง ปณิตา" มาเยือนรายการเมาท์สะเด็ด 7 สีทั้งที อดไม่ได้ที่จะให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตความเป็นไปช่วงนี้ โดยเผยถึงความลำบากและผลกระทบในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ว่า ได้รับผลกระทบอย่างมาก ในส่วนของผู้จัดละครก็มีความลำบากที่ไม่สามารถออกกองถ่ายทำละครได้ อีกทั้งยังต้องดูแลทีมงานกองอีกหลายสิบชีวิต ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็เรียกว่ายังพอประคองไหวอยู่ พร้อมแนะให้ทุกคนอย่าท้อ พยายามมองคนที่แย่กว่าเรา จะทำให้มีกำลังใจดีข้ึน ซึ่งตนเองก็จะบอกน้องในทีมอยู่ตลอดว่า ณ ตอนนี้ยังมีบ้านอยู่ มีอาหารการกินในการประทังชีวิต ในส่วนของงานต้องรออีกสักพักนึง เชื่อว่ามันจะผ่านไป ทุกอย่างย่อมมีฟ้าหลังฝนเสมอ
และถ้าใครได้ติดตาม หนิง ปณิตา ก็จะรู้ว่าหนิงกำลังทำโครงการอยู่มากมายเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็น โครงการคุณอิ่มเรายิ้ม โครงการที่หนิงขอยกความดีความชอบให้กับ กระแต ศุภักษร นักแสดงเพื่อนสาวคนสนิท ที่ผุดไอเดียขึ้นเนื่องจากข้าวกล่องที่เคยบริจาคมาตลอด ไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย ทำให้เริ่มมีการลงขันกันบริจาคให้มากขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมสมทบทุนมาเรื่อย ๆ บริจาคสิ่งของจำเป็นและข้าวกล่องช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด-19 คนบันเทิงที่ร่วมด้วยช่วยกัน เช่น เข้ม หัสวีร์, นาว ทิสานาฏ, นุสรา สังวริบุตร, นานา ไรบีนา ฯลฯ
สำหรับเกณฑ์ในการเลือกบริจาคนั้นต้องยกให้กับทีมงานของหนิงเอง พลอย กับ โม ที่จะคัดเลือกส่วนหนึ่งมาให้กับหนิง ดูถึงความเดือดร้อน และมีการโทรสอบถาม นอกจากนี้ ก็จะเลือกร้านอาหารที่กำลังประสบปัญหาไม่สามารถค้าขายได้อย่างปกติ ให้ช่วยทำข้าวกล่องให้ จึงทำให้ช่วยเหลือได้ทั้งผู้ประกอบการและผู้ป่วยอีกด้วย
แม้ว่าตอนนี้สาวหนิงจะยังไม่ได้มีโอกาสลงพื้นที่ไปแจกจ่ายด้วยตนเอง แต่ก็จะพกถุงยังชีพส่วนหนึ่งติดตัวไว้ตลอด เวลาเจอผู้ประสบภัยที่สามารถให้เองกับมือได้ก็จะมอบให้ด้วยตนเอง ส่วนถุงยังชีพส่วนใหญ่นั้นจะแพ็กส่งไปตามต่างจังหวัด แต่ในเขตกรุงเทพมหานครจะเน้นเป็นข้าวกล่องมากกว่า แจกจ่ายไปตามชุมชนต่าง ๆ
ในส่วนของการดูแลตนเองและครอบครัวในช่วงนี้ สาวหนิงถึงกับบอกว่า การดูแลคนอื่นนั้นไม่เท่ากับการดูแลควบคุมอารมณ์ของตนเอง เพราะด้วยสถานการณ์ที่ทุกคนเกิดความกลัว จะทำให้ตึงเครียดมาก บรรยากาศในครอบครัวก็จะไม่ค่อยดี สิ่งสำคัญคือการจัดการกับความรู้สึกของตนเองให้ได้ก่อน เมื่อจัดการได้แล้วก็จะทำให้มีวิธีการในการพูดคุยในครอบครัวให้บรรยากาศไม่เสีย หนิงบอกว่า การที่คนเราอยู่ด้วยกันนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและสื่อสารถึงกันและกันให้มีความสุขนั่นเอง
ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดแบบนี้ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกท้อบ้าง หนิงบอกว่า ให้มองคนที่แย่กว่า อย่างเช่นในการทำโครงการนี้ ก็จะมีแฟนคลับที่แม้ไม่ได้ร่ำรวยมากมาย แต่มีปลูกพืชผัก สมุนไพรต่าง ๆ ที่ปลูกไว้ ก็ไปตัดมาช่วยเป็นส่วนหนึ่งสมทบกับทางโครงการ ซึ่งทำให้หนิงรู้สึกว่าในสถานการณ์แบบนี้ อย่าไปคิดอะไรที่เป็นด้านลบมากนัก ทำอย่างไรก็ได้ให้รอบข้างมีแต่พลังบวก ยังใช้ชีวิตต่อไปได้ เหมือนที่หนิงมักจะใส่ไว้ในแคปชันในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า #น้ำใจเล็กๆน้อยๆส่งต่อกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นในวันนี้ แค่เราให้กำลังใจซึ่งกันและกัน บางทีกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถสร้างพลังบวกให้กันได้
หนิงทิ้งท้ายเรื่องโควิด-19 ว่า เชื่อว่าทุกคนได้ยินคำว่า "สู้" มาตลอด และทุกคนก็กำลังสู้จริง ๆ และเชื่อว่าอะไรที่มันเข้ามา มันจะต้องมีวันออกไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แต่ ณ วันนี้กำลังใจคือสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมี นอกจากนี้ เรายังต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด มั่นใจว่าเราใส่แมสก์ ล้างมือ มีสเปรย์แอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างจากคนอื่นอยู่เสมอ เราก็จะปลอดภัยที่สุด แล้วถ้าใครพอจะช่วยเหลือคนอื่นได้ก็อยากจะให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
มาถึงคำถามเรื่องชีวิตในช่วงนี้ แม้ทุกอย่างจะติดขัดไปหมด จนไม่สามารถทำอะไรได้มากมาย แต่หนิง ปณิตา ไม่เคยได้พักเลย พยายามที่จะหาอะไรทำอยู่ตลอด หนิงบอกว่า คนเราตื่นขึ้นมาในแต่ละวันควรทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น เช่นก่อนหน้านี้มีงานตลอดทำให้ไม่ได้อยู่กับลูก ในตอนนี้สถานการณ์เปิดโอกาส เราก็ใช้โอกาสนี้อยู่กับลูกอย่างเต็มที่ ทั้งออกกำลังกาย ทำขนม ทำอาหารด้วยกัน หรืออะไรที่ไม่เคยทำกับครอบครัวก็ลองทำดูบ้าง คือพยายามเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตนเองมีแต่พลังบวกและไม่เครียด
ส่วนของการทำงานนั้น ก็มีการคุยกันบ้างถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ให้รักษาตัวเองดี ๆ พยายามพูดคุยกับนักแสดงในละครของตัวเองอยู่ตลอด เพื่อกระตุ้นให้ไม่ลืมคาแรกเตอร์ของตัวละครแต่ละตัว
มาถึงถิ่นเมาท์สะเด็ด 7 สีทั้งที จะไม่ให้เมาท์คนนี้ได้อย่างไร "เอ ศุภชัย" หนิงถึงกับออกปากชมละคร "แม่เบี้ย" ของพี่เอว่า ละครสุดจริง เป็นละครที่น่าดูที่สุดในช่วงนี้เลย cg สวย เสื้อผ้าสวย ปมของตัวละครก็ซับซ้อนมาก และนี่จะเป็น แม่เบี้ย เวอร์ชันที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน แต่ส่วนผู้จัดนั้น พี่เอไม่ค่อยรับโทรศัพท์เท่าไหร่ อาจจะอยู่ในช่วงเครียดกับละคร ซึ่งเป็นปกติของผู้จัดละครทุกคน ต้องบอกเลยว่าทุ่มเทสุด ๆ เรียกได้ว่า ลงทุนจนขาดทุนกันเลยทีเดียว "เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้"