สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศห้ามสายการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. นี้ เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด
วันที่ 18 ก.ค.64 นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ลงนามในประกาศ เรื่อง แนวปฎิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 (ฉบับที่ 3) โดยในประกาศดังกล่าว มีใจความสำคัญ ห้ามรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.64 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดหรือมีประกาศอื่นต่อไป เพื่อลดการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน ตามที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชน หลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจึงออกประกาศกำหนดแนวปฏิบัติ ใช้บังคับแก่เที่ยวบินภายในประเทศ (Domestic Flight) ที่ให้บริการผู้โดยสาร(Passenger Flight) เท่านั้น
ห้ามมิให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ในช่วงเวลาที่มีการระบาดสูงตามข้อกำหนด เว้นแต่ เป็นเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) หรือเป็นกรณีอากาศยานที่ ขอลงฉุกเฉิน (Emergency Landing) หรือขอลงทางเทคนิค (Technical Landing) โดยไม่มีผู้โดยสารลงจากเครื่อง หรือมีความจำเป็น และได้รับอนุญาตจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งจะต้องแสดงหลักฐานเพื่อแสดงความจำเป็นนั้นเพื่อประกอบการขออนุญาต เช่นเพื่อเข้ารับบริการทางการแพทย์ เพื่อการรับวัคซีน เป็นต้น
ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบินและการรวมเที่ยวบิน ให้มีการแจ้งและดูแลผู้โดยสารอย่างเหมาะสมตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินของไทยในเส้นทางบิน ประจำภายในประเทศ พ.ศ. 2553
ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดเตรียมเอกสารรับรองความจำเป็นให้กับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานขนส่งสาธารณะในสังกัดของตนซึ่งได้รับยกเว้นเพื่อใช้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หากมีการตรวจสอบ ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ในการดำเนินการของผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ยังคงมีการให้บริการอยู่ในห้วงเวลานี้ให้ปฏิบัติดังนี้ ในการปฏิบัติการบินเพื่อรับส่งผู้โดยสาร ให้มีจำนวนผู้โดยสารได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของ ขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารของอากาศยานที่ใช้ในเที่ยวบินนั้นๆ และให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศพิจารณาการจัดที่นั่งในเครื่องบินอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัด อันจะมีส่วนช่วยในการป้องกันควบคุมโรค ในกรณีที่ผู้โดยสารเดินทางมาด้วยกันสามารถให้นั่งติดกันได้
ก่อนเข้าพื้นที่ท่าอากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการสนามบินทำการตรวจคัดกรองบุคคลที่เข้ามา ใช้บริการในท่าอากาศยานอย่างเข้มงวด โดยต้องมีการตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด ที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัด
หากบุคคลนั้นไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หรือวัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 37.3 องศาเซลเชียส หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบให้ปฏิเสธการให้เข้าพื้นที่ทำอากาศยาน โดยเด็ดขาด ก่อนออกบัตรโดยสาร ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสาร ตามมาตรการป้องกันโรคของจังหวัดปลายทางอย่างเคร่งครัด หากตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน อาจพิจารณาระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสารนั้น โดยเงื่อนไขการเดินทางเข้า/ออก และมาตรการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัดสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)
+ อ่านเพิ่มเติม