พ่อแม่ไม่เห็นด้วยรีบเปิดเทอม หลังยอดป่วยโควิดยังพุ่ง อยากให้ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมก่อนเพื่อความปลอดภัย
logo ข่าวอัพเดท

พ่อแม่ไม่เห็นด้วยรีบเปิดเทอม หลังยอดป่วยโควิดยังพุ่ง อยากให้ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมก่อนเพื่อความปลอดภัย

ข่าวอัพเดท : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจ องอนามัยโพลประเด็น “เห็นด้วยที่จะเปิดเรียนหรือไม่” พบภาพรวมทั้งประเทศ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ส่วนให กรมอนามัย,กระทรวงสาธารณสุข,โพล,ผลสำรวจ,เปิดเทอม,โควิด,นักเรียน,เด็ก

2,568 ครั้ง
|
31 พ.ค. 2564
          กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจ องอนามัยโพลประเด็น “เห็นด้วยที่จะเปิดเรียนหรือไม่” พบภาพรวมทั้งประเทศ  พ่อแม่ ผู้ปกครอง ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และต้องการให้ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมก่อน ย้ำสถานศึกษาต้องปฏิบัติตามมาตรการก่อนเปิดเรียนอย่างเคร่งครัด
 
         ​นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เผยว่า จากผลการสำรวจอนามัยโพลประเด็น “เห็นด้วยที่จะเปิดเรียนหรือไม่” พบว่า ภาพรวมประเทศเห็นด้วย ร้อยละ 40.5 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 54.8 เมื่อแบ่งออกเป็นรายภาค พบว่า
- ภาคกลาง ไม่รวมกรุงเทพมหานคร เห็นด้วย ร้อยละ 33.1 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 62.1
- ภาคใต้ เห็นด้วย ร้อยละ 30.2 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 65.9
- ภาคเหนือ เห็นด้วย ร้อยละ 45.1 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 49.9
- ภาคอีสาน เห็นด้วย ร้อยละ 66.2  ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 29.6
 
            โดยเหตุผลที่ "ไม่เห็นด้วย" ในการเปิดเรียนมากที่สุด ในทุกพื้นที่ยกเว้นภาคอีสานคือ เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม ส่วนภาคอีสานจัดอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดต่ำ และเป็นพื้นที่เดียวที่ผลสำรวจพบว่า เห็นด้วยที่จะให้เปิดเรียนสูงถึงร้อยละ 66.2 ซึ่งเหตุผลหลักคือ เพื่อให้เด็กได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
 
             สำหรับเหตุผลของผู้ที่ไม่เห็นด้วยในการเปิดเรียนในภาพรวมของประเทศพบว่า ร้อยละ 15.3 ต้องการให้ครูและนักเรียนได้รับการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ขณะที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดหนักในตอนนี้ต้องการให้ครูและนักเรียนได้รับการฉีดวัคซีน ร้อยละ 17.11 ภาคกลาง ร้อยละ 14.28 ภาคใต้ ร้อยละ 28.43 ภาคเหนือ ร้อยละ 23.75 และภาคอีสาน ร้อยละ 9.28 ดังนั้น การที่ประชาชนมองว่าควรพิจารณาการฉีดวัคซีนสำหรับบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนก่อน จึงเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการเปิดเรียนตามปกติ และการพิจารณาเปิดเรียนจึงควรกระจายอำนาจให้จังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด ร่วมกับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้พิจารณา โดยคำนึงถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในสถานศึกษาที่กรมอนามัยได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และภาคีเครือข่ายจัดทำขึ้น พร้อมทั้งผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาผ่าน Thai Stop COVID plus การเตรียมความพร้อมและแผนเผชิญเหตุของโรงเรียน ความร่วมมือของชุมชนและทุกภาคส่วนในพื้นที่ ตลอดจนการลดการเคลื่อนไหวหรือเดินทางของนักเรียนหรือผู้เกี่ยวข้องที่มาจากพื้นที่หรือสถานที่ที่เกิดการระบาด
 
             ทั้งนี้ สถานศึกษาทุกแห่งขอให้ปฏิบัติตามมาตรการก่อนเปิดภาคเรียนอย่างเคร่งครัดด้วยการประเมินตนเอง ผ่านระบบ Thai Stop COVID plus ซึ่งจากข้อมูลระหว่างวันที่ 24 เมษายน -  27 พฤษภาคม 2564  พบว่ามีการประเมินตนเองแล้ว จำนวน 38,264 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 98.3 ส่วนนักเรียน นักศึกษา ครู บุคลากร และผู้ปกครอง ประเมินความเสี่ยงผ่านระบบ “ไทยเซฟไทย” และสำหรับสถานศึกษาให้จัดสภาพแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนของสถานศึกษา 44 ข้อ ใน 6 มิติ ได้แก่
1) ความปลอดภัยจากการลดแพร่เชื้อโรค
2) การเรียนรู้ 
3) การครอบคลุมเด็กด้อยโอกาส
4) สวัสดิภาพและการคุ้มครอง
5) นโยบาย
6) การบริหารและการเงิน”อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง