จากกรณีที่ โทนี่ ผี ได้โพสต์เล่าประสบการณ์คุณแม่ป่วยโควิด-19 ลงปอด อย่างหนัก พร้อมกับเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดและเปิดเผยค่ารักษาได้ครั้งนี้อีกด้วยว่า
ตั้งวันที่ 5 พค. ที่ผ่านมา พ่อผมโทรมาแต่เช้าบอก ว่าแม่ ป่วยหนักมากตอนนี้พามาที่ โรงพยาบาล ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ โดยยังไม่ทราบว่า คุณแม่ ป่วยเป็นอะไร
พอมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอ x-ray ปอด พบว่ามีอาการ ปอดบวม ผม กลัวว่าแม่จะเป็น covid ทาง คุณ พ่อเลยให้ คุณ หมอตรวจ covid เลย ผลปรากฎว่าแม่ เป็น covid เลยต้องตรวจคุณ พ่อ ต่อ อีกคน แต่เนื่องจากคุณ พ่อไม่มีอาการ ทางโรงพยาบาลเลยให้ คุณ พ่อ รอผลตรวจอีกวัน ระหว่างรอผลตรวจให้คุณพ่อกลับบ้าน ส่วน คุณ แม่ต้องเข้า ห้องฉุกเฉิน ICU พร้อมทั้งต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางผม ทั้งกังวลเรื่องพ่อ จะติด covid ด้วย เพราะ อยู่บ้านกับ แม่ 2 คน (ส่วนผมอยู่ บ้าน ภรรยา ) และ ก็เรื่อง ค่ารักษาพยาบาล ซึ่ง ทางผมและพ่อน่าจะจ่ายไม่ไหว เพราะแม่ไม่ได้มีประกันชีวิต บวกกับเป็น โรงบาลเอกชน ผลปรากฏว่า โรงบาล โทรมาแจ้งว่าผล ตรวจของคุณ พ่อ (ไม่พบเชื้อ covid) ส่วนคุณ แม่ ยังอยู่ ในห้อง ฉุกเฉิน
ผมพยายาม ถาม ญาติพี่น้อง เพื่อน พี่ รวมไปถึง เพื่อนๆ ที่ ออฟฟิศ จนได้ ความว่า เรา สามารถใช้ สิทธิ ucep กับทุกโรงพยาบาลได้
*** รู้จักสิทธิ UCEP สิทธิ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) คือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐ พื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ให้สามารถ ข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจน พ้นวิกฤตและสามารถคลื่อนย้ยได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ***
ผมจึงขอยื่นใช้ สิทธิข้อนี้ไปจนกว่าจะหาโรงรัฐบาลลงได้ ระหว่างนั้น ผม โทรไป ประสานกับ สปสช 1330 ปรึกษา เรื่องค่าใช้จ่าย สำหรับ ผู้ป่วย covid วิกฤติ โดยทาง สปสช ยืนยัน กลับมาว่า ให้ยืนยันสิทธิ์*** UCEP COVID ***กับโรงพยาบาล (ใช้ได้ทุกโรงพยาบาล ได้ทั้ง รัฐบาล และ เอกชน)
ปล. ผมก็พึ่งได้ ความรู้ จากทาง Hr. ที่บริษัท ว่า ถ้าเรา ป่วยเป็น covid แล้วโรงพยาบาล ไหน ตรวจเจอ โรงพยาบาล นั้นต้อง รับ ผิดชอบ การรักษา รวมทั้ง ค่ารักษา และจะต้องไป เบิกค่ารักษาพยาบาล กับ รัฐ แต่ อาจจะเบอกได้ตาม จำนวนที่รัฐ กำหนด
ที่หลายๆ กรณี ที่โรง พยาบาล ไม่ยอมตรวจ covid ให้เพราะ เกรงว่าจะไม่สามารถ เบิกค่าใช้จ่าย ได้เท่ากับค่ารักษาปกติ คืออาจจะเบิกได้ 45-50% ซึ่ง ล่าสุด ทาง รัฐบาล มีการเสนอ เสนอ ช่วย ชดเชย ค่ารักษาพยาบาล ตรงนี้ อีก 20 %. จาก 45-50 เป็น 65-70 % *** แต่ไม่รู้ อนุมัติ นึยัง***
ตลอด 1-2 สัปดาห์ แรก ผม ต้องประสาน กับ 1330 ไปๆมาเรื่อง เคสคุณแม่ และ เรื่องค่าใช้จ่าย รวมทั้ง ตาม อาการ คุณ แม่ ทุกวัน ซึ่งเป็นความรู้สึก ที่ ทั้ง กังวล ทั้ง ทรมาน สุดๆ โชคดีที่ ยังมี ทีมงานและ น้องๆในทีมที่ออฟฟิศ ค่อย ช่วยเหลือ เรื่อง การประสาน งานประจำ ที่ผม ก็ยังต้องรับผิดชอบ ❤️????
ผ่านมาจน สัปดาห์ ที่ 3 ทาง โรงพยาบาล โทรมาบอกว่า คุณ แม่ สามารถ หายใจเองได้ด้วยตัวเอง ย้ายมาอยู่ ห้อง ปกติได้แล้ว อีก ไม่เกิน 5 วัน มารับกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้
วันนี้ คือวัน ที่ ผม กับภรรยา ขับ รถไปรับ คุณ แม่ กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน ครับ????❤️
ปล. ตอนไปก็ลุ้นว่า จะโดน ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่าไร เพราะ ทางการเงิน ของโรงพยาบาลโทรมาบอกว่า ก่อนจะรับ คุณแม่กลับบ้านได้ ต้องไป เคลียร์ เรื่องเอกสารที่การเงินก่อน
ระหว่างนั่นก็ ยัง ประสานกับ 1330 ตลอด โดยได้คำตอบเหมือนทุกครั้งว่า ไม่ต้อง ชำระ
สรุป ค่าใช้จ่าย ทั้งหมด มี 2 บิล.
บิลแรก 530,xxx บิลที่สอง. 5 หมื่นกว่าบาท
รวมแล้วประมาณ 58x,xxx. (5แสน8)!!!!!
โดย ที่ทางผม ไปเซ็น อย่างเดียว แล้ว ทาง โรงบาลจะไปเคลียร์กับ ทาง สปสช. ตรงนี้ต้อง ขอ ขอบคุณ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และเพื่อนๆ พี่ๆ และทีมงาน ภรรยา ที่คอยอยู่เคียงข้าง รวมทั้ง หมอ พยาบาล โรงพยาบาล ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ถ้าไม่มีทุกคน แม่ผม ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ????????????❤️❤️❤️
ปล. ตอนนี้ คุณแม่ยังต้อง รักษาตัว ฝึกเดิน เนื่องจากนอนโรงพยาบาลนาน หลายสัปดาห์จากการป่วยหนักมากๆ และยังต้อง กักตัว ที่บ้าน อีก 14 วัน
ส่วนผม ฉีด วัคซีน เข็มแรกแล้ว กำลังจะฉีดเข็มสอง วันที่ 17 มิย. นี้.
ตอนนี้ผมบอกเลยว่า วัคซีน อะไรมาผมคง ฉีดหมด และบังคับทั้งบ้านผมลงทะเบียนฉีดทุกคน
เพราะว่า ถ้าcovid โคม่า ลงปอดแล้ว นอกจากอันตรายแล้ว ยังวุ่น เรื่อง ประสานงาน อย่างหนัก เรื่องคุณ แม่ ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่หนัก ที่สุดในชีวิต และไม่อยากให้เกิดกับใคร❤️????