นายกฯ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 ที่สถาบันบำราศนราดูรแล้ว โดยวัคซีนที่ใช้เป็นวัคซีนแอสตราเซนเนกา มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับหน้าที่เป็นผู้ฉีดให้
วันนี้ 24 พ.ค.64 เวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเป็นวัคซีนแอสตราเซนเนกา เข็ม 2 ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจร่างกาย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับหน้าที่เป็นผู้ฉีดวัคซีนให้กับนายกรัฐมนตรี จากนั้นในช่วงสังเกตอาการ 30 นาที นายกฯ ได้เชิญชวนประชาชนให้ออกมาฉีดวัคซีนกันให้มาก ยอมรับว่าวัคซีนอาจมีผลข้างเคียงบ้างแต่ไม่ถึงกับชีวิต และยืนยันว่าทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนแน่นอน ช้าบ้างเร็วบ้าง และมีการกระจายพื้นที่ฉีดวัคซีน มีทั้งของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคธุรกิจ ประชาชนเข้ามาในหมอพร้อมมากพอสมควร
“การปรับแผนการฉีดวัคซีน เป็นไปตามปริมาณวัคซีนที่เข้ามา ร่วมกับสถานการณ์พื้นที่สีแดง บางพื้นที่อันตรายมาก บางพื้นที่อันตรายน้อยลง สำหรับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ขอให้ระมัดระวังตัว สวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงไม่เข้าไปในพื้นที่แออัด รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกกลุ่ม ทั้งภาคแรงงาน อุตสาหกรรม และครู เพื่อเตรียมการเปิดภาคเรียน ตอนนี้ต้องการความเข้าใจ ไม่อยากให้ใครไปบิดเบือน การทำงานต้องมีปัญหา เพราะเมื่อมีปัญหาต้องแก้ไข ไม่ได้มีสูตรใดตายตัวเพียงสูตรเดียว เพราะสถานการณ์เปลี่ยนอยู่ตลอด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สำหรับประเด็นเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียและสายพันธุ์แอฟริกาใต้ นายกฯ กล่าวว่าได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่าวัคซีนสามรารถดูแลได้ แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนด้วย ถ้าเข้าไปในพื้นที่แพร่ระบาด หรือปล่อยตัวเองจนสถานการณ์แรงขึ้นมาหาหมอก็ไม่ทันแล้ว ดังนั้นขอให้ไปพบแพทย์ให้เร็ว อย่าปกปิด อย่าปิดบัง วันนี้เรามียารักษา ทั้งยาฉีดและยากิน แพทย์จะสั่งใช้ตามระดับความรุนแรง ไม่อยากให้ประมาทและไม่อยากให้ตื่นตระหนก ขอให้คำนึงถึงตัวเอง ประเทศชาติ และสังคม โดยรัฐบาลมีเป้าหมายคือดูแลคนทั้งประเทศ
จากนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้มอบวัคซีนพาสปอร์ตให้กับนายกฯ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบ 2 เข็ม
+ อ่านเพิ่มเติม