ข่าวเย็นประเด็นร้อน - นายกฯ เป็นประธานประชุม เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 3 ผ่านระบบดิจิทัลฯ กลุ่มเป้าหมาย อายุ 16-20 ปี
เคาะแจกเงินดิจิทัลฯ เฟส 3 กลุ่มอายุ 16-20 ปี
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีวาระสำคัญเรื่อง โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ
ภายหลังการประชุม นางสาวแพทองธาร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กบางช่วงว่า ที่ประชุมมีการเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ระยะที่สาม เป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น กลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้ลงทะเบียนผ่าแอปพลิเคชั่นทางรัฐ มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี และใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ เพื่อสแกน QR code ณ ร้านค้าในพื้นที่เขต หรืออำเภอ ที่ประชาชนมีอยู่ตามทะเบียนบ้าน
จากนั้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อม 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ร่วมกันแถลงรายละเอียดแจกเงินดิจิทัลฯ เฟส 3
โดย นายพิชัย ระบุว่า การแจกเงินหมื่นครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จ่ายด้วยระบบดิจิทัลวอลเล็ต แม้โครงการเฟสแรก ระบบอาจจะลำบากในการสร้าง แต่ถ้าเทียบกับการให้เงินอุดหนุนอื่น ๆ ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ตสามารถกำหนดได้ ทั้งเรื่องร้านค้า พื้นที่ ทำให้การเติมเงินสู่ระบบ เป็นไปตามที่ต้องการ และทำให้รู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศเป็นอย่างไร
ส่วนความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการจ่ายเงินครั้งนี้ ไม่ว่าจะทำให้จีดีพีขึ้นมาเท่าไหร่ แต่เราได้การกระจายทั่วถึง และมีข้อมูลหนี้ครัวเรือน ซึ่งถือว่าดีขึ้น ช่วยบรรเทาภาระหนี้ จึงวางเงื่อนไขเป็นเฟสครอบคลุมกลุ่มที่ลงทะเบียนไว้แล้ว อายุระหว่าง 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน เป็นกลุ่มในวัยเรียน นำไปใช้จ่ายช่วยเหลือพ่อแม่ได้ และใช้ซื้อของที่จำเป็นต่อการศึกษา หลังจากนี้จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอน
ส่วนการใช้จ่ายนั้น คาดว่าใช้จ่ายได้ประมาณปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ประเด็นนี้ต้องดูความเรียบร้อยทั้งหมด และดูความคุ้มค่าในอนาคต
รอต่อไป ! กลุ่มอายุ 21-59 ปี ยังไม่ได้เงินหมื่น
ขณะที่กลุ่มช่วงอายุ 21-59 ปีนั้น นายพิชัย บอกว่า ขอพิจารณาก่อนว่าแต่ละกลุ่มแตกต่างกันอย่างไร เราจะใช้ประโยชน์ของดิจิทัลวอลเล็ตได้ตรงไหน แต่วันนี้เราได้รับความเห็นชอบในหลักการ และเชื่อมั่นว่าความผิดพลาดในอดีตที่เกิดขึ้น การจ่ายด้วยดิจิทัลจะช่วยลดลงได้
แจกเงินอายุ 16-20 ปี เพราะตื่นรู้เทคโนโลยี
ด้าน นายเผ่าภูมิ ชี้แจงประเด็นเลือกจ่ายกลุ่มอายุ 16-20 ปีก่อน เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้เงินน้อยว่าไม่เป็นความจริง เวลารัฐบาลพิจารณาจะดูตามภาวะเศรษฐกิจ ตัวเลขไตรมาส 1 ปี 2568 น่าจะออกมาดี ขณะที่ช่วงปลายไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ซีซัน ที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ยืนยันรัฐบาลมีเงินที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องใช้ภายในไตรมาส 3 อีก 150,000 ล้านบาท ฉะนั้นมีกระสุนเตรียมไว้แล้ว
ส่วนที่เลือกจ่ายกลุ่มนี้ก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางด้านเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายด้านนี้สูง ด้วยจำนวนเม็ดเงินที่เหมาะสม ถือเป็นกลุ่มที่เหมาะสม และช่วงเวลาที่เหมาะสม รัฐบาลจึงเลือกกลุ่มนี้ก่อน
รอเคาะกลุ่มคนไม่มีสมาร์ตโฟน
ส่วนการพิจารณากลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟนนั้น นายเผาภูมิ แถลงว่า อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขว่าจะเปิดลงทะเบียนในช่วงเวลาไหน และจะใช้เงื่อนไขอะไรในการวัดกลุ่มคนไม่มีสมาร์ตโฟน
ตัดเงื่อนไขเดิม รองรับแจกเงินเฟส 3
ขณะที่ นายจุลพันธ์ กล่าวเสริมว่า การใช้จ่ายเงินหมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตครั้งนี้ รัฐบาลได้ตัดเงื่อนไขเดิมออก เช่น ตัดรายการสินค้าต้องห้าม หรือ Negative List ออกทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้สะดวกขึ้น โดยเปิดให้ใช้จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ รวมทั้งยังเปิดให้ร้านค้าทุกประเภทสามารถถอนเงินสดออกมาได้อีกด้วย ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มที่เสียภาษี
เปิดคุณสมบัติรับเงินดิจิทัลฯ เฟส 3
ทั้งนี้ขอย้ำอีกรอบ สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ ก่อนวันที่ 16 ก.ย.2567 เป็นผู้ที่มีรายได้ปีภาษี 2566 ไม่เกิน 840,000 บาท มีเงินฝากกับธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ไม่เคยฝ่าฝืน ถูกระงับสิทธิ หรือถูกเรียกเงินคืนจากมาตรการ หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาล
หวั่นเด็กได้เงินดิจิทัลฯ เอาไปเติมเกม
ไปที่ความคิดเห็นของ นางสางภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สว. มองว่า ช่วงอายุระหว่าง 16-20 ปี ถือว่ายังเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่ แม้การกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องดี แต่รัฐบาลควรประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เด็กและผู้ปกครอง ให้รับทราบว่าเมื่อได้เงินไปแล้วควรนำไปใช้อย่างถูกวิธีอย่างไร ไม่ใช่นำไปกินไปเที่ยว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลพยายามบอกว่าการจ่ายเงินกลุ่มนี้เพื่อเป็นต้นแบบในการใช้ระบบดิจิทัลฯ นางสาวภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า จะเหมาะสมหรือไม่ ต้องดูหลักการใช้ บางคนมองว่าเด็กได้เงินดิจิทัลไปแล้วจะไปเติมเกม ไปทำอะไร ตนจึงบอกว่าไม่เหมาะสม แต่ถ้าได้เงินมาแล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ถือว่าเหมาะสม ฉะนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลัก รวมถึงผู้ใหญ่ต้องให้ความรู้เด็กด้วย
ชี้เงินไม่พอแจก แต่ดันทุรังอยากแจก
ด้าน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งชื่อหัวข้อว่า “เรื่องสยองของ Digital wallet” พร้อมระบุรายละเอียดบางช่วงว่า หลังจากแจกเงินสดมา 2 รอบ หมดเงินไปเกือบ 180,000 ล้านบาท โดยไม่ส่งผลอะไรต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังกลับมาเดินหน้าแจก Digital Wallet ของแทร่
ความสยองคือ รู้ทั้งรู้ว่าโครงการแจกเงินรอบแรก ไม่มีผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ยังจะแจกเงินต่ออีก 150,000 ล้านบาท เงินหมื่น 2 เฟสแรก เป็นกระสุนด้าน ไม่ใช่แค่จีดีพีที่หลุดเป้า แต่ตัวเลขการบริโภคไม่ขยับขึ้น ดูจากดัชนีการบริโภคภาคเอกชนที่จะเป็นตัวสะท้อนว่าคนจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นไหม หลังแจกเงิน แต่ผลคือกราฟราบเรียบ ถ้าเป็นชีพจร ก็เหมือนชีพจรคนที่ตายไปแล้ว
เงินไม่พอแจก แต่ก็จะแจกให้ได้ ตอนนี้เหลือเงินบนหน้าตัก พอแจกให้กับ 15 ล้านคน แต่มีผู้ลงทะเบียน และคาดว่าจะผ่านเกณฑ์เกือบ 20 ล้านคน ถ้าไม่จับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะได้เงิน ก็ต้องตัดช่วงอายุบางช่วงออก ส่วนคนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน และยังไม่ได้ลงทะเบียน ต้องลุ้นต่อไปเช่นกันว่าจะแจกอย่างไร
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.30-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35