วันที่ 16 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 5/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยระบุว่า ในการระบาดระลอกแรก ไทยคุมเชื้อได้จนได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลก การระบาดระลอก ที่2 ใน จ. สมุทรสาคร ก็สามารถควบคุมการระบาดได้ ต่อมาในการระบาดระลอก 3 มีการแพร่เชื้อจากสถานบริการ สถานบันเทิงที่ พร้อมระบาดไปในทุกพิ้นที่ ศบค.ไม่ได้หยุดทำงาน มีการประชุมร่วมกันตลอด 7 วันที่ผ่านมา
“จากประสบการณ์ในการระบาดระลอกที่ 1 ถึงระลอกที่ 3 ผมฟังหมอ ฟังกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค โดยพวกเขาไม่ได้หยุดพัก ขออนุมัติหลักการนำมาสู่การประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พวกเราเจ็บปวดมาด้วยกัน เมื่อเราหย่อนวินัย ประพฤติตัวสนุกสนานจนเกินไป การชุมชนุมรวมตัวกันเป็นอันตรายทั้งสิ้น การไม่ห้ามเดินทางในช่วงสงกรานต์ก็เพราะคำนึงถึงประชาชนที่ต้องการกลับบ้านไม่เยี่ยมพ่อแม่ ไปเยี่ยมญาติพี่น้อง บางคนบอกให้ปิดไปเลย ปิดให้หมด เพราะพวกเขาไม่เดือดร้อน มีเงินเพียงพอ แต่ยังมีอีกหลายคนเดือดร้อน หากบังคับให้ทุกคนอยู่บ้านโดยไม่ทำอะไรเลย จะมีคนเดือดร้อน ดังนั้นจะไม่มีเคอร์ฟิว ไม่มีล็อกดาวน์ แต่อาจต้องลดเวลาลงบ้าง เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่าไปฟังข่าวบิดเบือน วันนี้ สส.เข้ามาฉีดวัคซีนกันหมดแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สำหรับความคืบหน้าวัคซีน กระทรวงการต่างประเทศ คุยกับประเทศรัสเซียจัดหาวัคซีนสปุกนิก และวัคซีนไฟเซอร์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงวัคซีนในอีกหลายประเทศ แต่วันนี้วัคซีนขายแบบรัฐต่อรัฐเท่านั้น ยังไม่ใช่สินค้าในเชิงพาณิชย์ หลักกฎหมายซื้อมาแล้วขายต่อทำไม่ได้ จึงได้ให้องค์การเภสัชกรรม ( อภ.) สั่งซื้อเพื่อแจกจ่ายให้กับสมาคม รพ.เอกชน หรือใครก็ตามที่ต้องการ เมื่อได้รับวัคซีนจำนวนมากขอให้รวมพลังกับมาร่วมกันฉ๊ดวัคซีนทุกจังหวัด
นายกฯ กล่าวอีกว่า มาตรการที่ออกมาทุกครั้งตนเจ็บปวด ไม่สบายใจและหนักใจ เพราะรู้ว่ามาตรการจะมีผลกระทบต่อประชาชนทุกระดับ กระทบต่อแหล่งอาชีพ ไม่สามารถตัดสินไปทางหนุ่งทางใดได้ จึงรับฟังทุกคนและทุกภาคส่วน แต่เมื่อโควิดระบาดอย่างรวดเร็ว การควบคุมจึงอย่างรวดเร็ว เข้มงวดตั้งแต่ต้นเพื่อลดความเสียหาย
+ อ่านเพิ่มเติม