เมื่อวานนี้ (13 ก.พ. 64) มีการชุมนุมชื่อ ‘นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน’ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งในระหว่างการชุมนุมช่วงท้ายๆ มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งเสียงระเบิดและการปะทะกันระหว่างกลุ่มราษฎรกับตำรวจ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวแนวร่วม 11 คน ไปยัง ตชด.ภาค 1
หลังมีการประกาศนัดรวมตัวผ่านเฟจเฟซบุ๊กของกลุ่มราษฏร ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นมา ก็มีกลุ่มประชาชนทยอยเดินทางมารวมตัวกันยัง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อมาร่วมแสดงเจตนารมย์และประกาศจุดยืนในการเรียกร้องทวงคืนอำนวจให้กับประชาชน ผ่านกิจกรรม ร่วมนับ 1 ถึงให้ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน พร้อมมาช่วยกันรื้อเอาสิ่งแปลกปลอมออกไป เอาประชาธิปไตยคืนมา
โดยในตอนแรก เหตุการณ์ไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด บรรยากาศการชุมนุมยังดำเนินไปโดยปกติ กระทั่งเวลา 19.00 น.หลังผู้ชุมนุมร่วมกันนำผืนผ้าสีแดงคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว แกนนำได้ประกาศเชิญชวนมวลชนตั้งขบวนเดินขบวนไปยังท้องสนามหลวง และศาลหลักเมืองเพื่อทำกิจกรรมต่อไป
ในระหว่างนั้นเกิดเหตุชุลนุม มีการขว้างสิ่งของใส่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาควบคุมสถานการณ์ กระทั่งเวลา 21.00 น. บรรยากาศเริ่มตึงเครียด แม้ทางแกนนำจะประกาศยุติการชุมนุม แต่กลับมีเสียงดังคล้ายระเบิดปิงปองดังขึ้น และในเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ระหว่างนั้น ตำรวจได้มีการตั้งแนวกั้นพื้นที่ และยังคงมีเสียงคล้ายระเบิดปิงปองดังขึ้นเป็นระยะๆ จนตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุออกมา เหตุการณ์ชุลมุนนี้กินเวลาประมาณ 30 นาที ก่อนจะเริ่มคลี่คลายลง ท่ามกลางมวลชนบางส่วนที่ถูกควบคุมตัวออกไป
มีรายงานว่าทางตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ชุมนุมทั้งหมด 11 คน และมีการ์ดราษฎรได้รับบาดเจ็บจำนวนนึง ส่วนทางตำรวจ มีรายงานว่าได้รับบาดเจ็บ 15 นาย นำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัว ได้ถูกนำตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
สำหรับกิจกรรม นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน เริ่มต้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ช่วงประมาณ 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมรื้อต้นไม้บริเวณอนุสาวรีย์ และเอาไปจัดเรียงเป็นตัวเลข 112 ขณะที่แกนนำมี ครูใหญ่ อรรถพล, รุ้ง ปนัสยา และ ไมค์ ภานุพงษ์ เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำ 4 คน และแนวร่วมที่ถูกส่งตัวไปควบคุมในความผิดตามมาตรา 112
กิจกรรม นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน ถือเป็นการชุมนุมเต็มรูปแบบของกลุ่มราษฎรครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ 2564 ก่อนหน้านี้ รุ้ง ปนัสยา บอกว่า จะนำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวให้ได้อย่างน้อย 2 ล้านคน ในเร็วๆ นี้
ขณะที่เฟซบุ๊กของ นพเก้า ก้องสุวรรณ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่ง ได้โพสต์ภาพที่ระบุว่า เป็นภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์ เป็นภาพบุคคลที่กำลังนอนบาดเจ็บและมีเจ้าหน้าที่ยืนล้อมอยู่ โดยมีการระบุว่าบุคคลดังกล่าวคือทีมพยาบาลอาสา พร้อมเขียนข้อความว่า
“ถึงแม้ว่าในกลุ่มผู้ชุมนุม จะมีพวก "หัวรุนแรง" ไม่ยอมกลับหลังจากยุติการชุมนุม ซึ่งต่อมาก็มีเหตุปะทะกับตำรวจ มีเหตุปาระเบิดปิงปองเป็นระยะๆ หลังจากยุติการชุมนุม
แต่ล่าสุด ก็มีรายงานว่า หนึ่งในคนที่ถูกตำรวจทำร้าย และจับตัวไป ตชด.ภาค 1 เป็นสมาชิกทีมพยาบาลอาสา ใส่เสื้อกั๊กมีเครื่องหมายชัดเจน แต่ จนท.ก็ยังรุมตามที่เห็นในภาพ
นี่คือการกระทำที่ "เกินกว่าเหตุ" 1. เขาคืออาสาพยาบาล ไม่ใช่กลุ่มที่หัวรุนแรง ไม่ใช่คนที่ปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ 2. ถ้าจะบอกว่า กลุ่มผู้ชุมนุมหัวรุนแรง ใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่ เป็นสิ่งที่ผิด การกระทืบอาสาพยาบาล ก็เป็นสิ่งที่ "ผิด" เช่นกัน
"..บุคลากรที่ดูแลสุขอนามัย ไม่ว่าทหารหรือพลเรือน ต้องไม่ถูกโจมตีหรือทำอันตราย บุคลากรที่ดูแลสุขอนามัยจะต้องไม่ถูกขัดขวางในการปฏิบัติงานทางการแพทย์ โดยเฉพาะฝ่ายที่ทำการสู้รบจะต้องไม่คุกคามหรือลงโทษ...” หวังว่าทาง จนท.รัฐ คงมีคำตอบให้สังคม.... ภาพจาก : Reuters”
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/PxBBlslqh0c
ม็อบ13กุมภา
ชุมนุม
นับ1ถึงล้านคืนอำนาจให้ประชาชน
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ชุลมุน
ตชดภาค1
กลุ่มราษฎร
ปล่อยตัวแกนนำ
ทีมแพทย์อาสา