เลย - เปิดนาทีอดีตผู้สมัคร ส.ส. ยิงปืนขู่กลุ่มรักษ์บ้านเกิด หลังรวมตัวเรียกร้องให้ปิดเหมืองทองคำ เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับาดเจ็บ ล่าสุดคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว
กรณีการชุมนุมของกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดซึ่งมีไผ่ดาวดินเป็นแกนนำ ณ เหมืองแร่ทองคำ ของบริษัททุ่งคำซึ่งได้ถูกปิดไปแล้วตามคำสั่งศาล ในขณะปฏิบัติหน้าที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ปกครองได้ปฏิบัติหน้าที่ปกติ แต่ต่อมาได้เกิดความวุ่นวาย หลังจากมีชายไม่ทราบชื่อ ได้เข้าไปในพื้นที่และใช้ปืนยิงขู่กลุ่ม กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ความวุ่นวายอีกครั้ง เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับาดเจ็บ ขณะที่ ไผ่ดาวดิน ได้โพสต์ภาพผู้ก่อเหตุ ระบุว่าเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน และอดีตผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคการเมืองหนึ่ง
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควมคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ทราบชื่อคือ นายธนกฤต อันทะระ เป็นลูกจ้างเหมาบริการโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (TST) ตำบลผาบิ้ง ได้มาที่เกิดเหตุโดยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งนายธนกฤตได้เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวไม่ทราบว่ามาด้วยสาเหตุใด และพูดคุยด้วยอารมณ์กับผู้ชุมนุม จากนั้นซึ่ง ชรบ. ได้เห็นเหตุการณ์จึงเข้าระงับเหตุไม่ให้บานปลาย ทำให้นายธนกฤตยอมกลับบ้าน แต่ขณะที่ขับรถออกมาได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนได้สอบสวนที่เกิดเหตุเบื้องต้น ได้นำตัวนายธนกฤต กักขังชั่วคราวตามกฎหมาย ณ สภ.วังสะพุง
โดยเช้าวานนี้ (12 ม.ค.) กลุ่มคนนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน รอบเหมืองทองทุ่งคำ พร้อมกับกลุ่มดาวดิน นำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือให้กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านทางผู้กำกับ สภ.วังสะพุง เพื่อขอให้สนง.ตำรวจแห่งชาติ ดูแลความปลอดภัย ของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน จากสถานการณ์ส่อเค้าความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น และให้ลงบันทึกประจำวันกรณีที่มีการขนแร่ และสินทรัพย์เถื่อนออกจากเหมืองทองคำโดยกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ทราบฝ่าย
น.ส. รจนา กองแสน ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน จากกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้เผยถึงการเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้ว่า เราได้ต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดของเรา จากเหมืองทองคำ มาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี จนเราสามารถปิดเหมืองทองคำ ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมของเราได้ จนบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้ถูกศาลสั่งให้ล้มละลาย และศาลได้สั่งให้มีการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ทำให้กรมบังคับคดีต้องมาพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการขายทรัพย์ ที่จะนำเงินมาชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นๆ รวมถึงสมาชิกกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด้วย
ซึ่งเรากลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดในฐานะกรรมการเจ้าหนี้ ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ ให้เข้ามาตรวจยึด และทำหน้าที่เวรยาม ดูแลสินทรัพย์และสินแร่ภายในเหมือง เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ กรมพิทักษ์ทรัพย์ นำสินทรัพย์ดังกล่าวไปประมูลขาย เพื่อขายทอดตลาด และนำเงินเข้ากองกลาง เพื่อเฉลี่ยคืนให้กับเจ้าหนี้แต่ละราย
ต่อมาในช่วงปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ได้มีชายฉกรรจ์ ที่มีลักษณะคล้ายทหารรับจ้าง เข้ามาวนเวียนในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน ซึ่งสร้างความหวาดกลัว และความไม่ปลอดภัย ทั้งในร่างกายและทรัพย์สิน เพราะเราไม่ทราบว่า เป็นผู้ใดมาวนเวียนในหมู่บ้าน และยังปรากฏชายฉกรรจ์ที่มีลักษณะคล้ายทหารรับจ้าง วนเข้าออกหมู่บ้านและจอดเฝ้ายามในพื้นที่หมู่บ้าน ทั้งๆ ที่ตามกฎหมาย มีเพียงเจ้าหน้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลย และผู้ประมูลสินแร่ได้ เท่านั้นที่สามารถเข้าได้
เราจึงมีข้อเรียกร้องถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดังนี้ 1. ขอให้ผบ.ตร.ได้สั่งการมาที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และสภ.วังสะพุง เพื่อเร่งรัดหามาตรการสร้างความปลอดภัยและมีประสิทธิผล โดยเริ่มจากการมาติดตู้แดงเป็นทางการและส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจตราดูแลความปลอดภัยประจำวัน และประสานงานกับทีมความปลอดภัยของกลุ่มฯ เพื่อร่วมหามาตรการความปลอดภัยในขั้นต่อไป
2. ขอให้ผบ.ตร. ได้สืบสวนและหาข้อเท็จจริงถึงการเข้ามาของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่า มาจากบริษัททุ่งคำ จำกัด ที่มีพฤติการณ์ข่มขู่สมาชิกในชุมชน 3. ขอให้ผบ.ตร. ได้สอบข้อเท็จจริงของพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังสะพุง ที่ได้เดินทางเข้ามาพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากกลุ่มคนรักบ้านเกิด ได้ยื่นหนังสือที่ สภ.วังสะพุง และยังได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมบังคับคดี มีนายณรงค์ จีนอ่ำ รอง ผจว.เลย มารับหนังสือ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบขั้นตอน และกระบวนการในการขนสินแร่ออกจากเหมืองทองคำ และเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัย ให้กับประชาชนในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน รอบเหมืองแร่ทองคำ และส่วนบริเวณหน้าเหมืองทองทุ่งคำ ได้มีกลุ่มชาวบ้านได้มีการจัดเวรยามเข้าออกตลอด 24 ชม
+ อ่านเพิ่มเติม