จากกรณีการเลือกตั้ง นายก และ ส.อบจ.นครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563ที่ผ่านมาได้มีชาวบ้าน ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 5 คนแจ้งนายไพโรจน์ เอียดแก้ว กำนัน ต.เกาะเพชรว่ามีคนมาแจกเงินซื้อเสียงให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครนายก และ ส.อบจ.ในพื้นที่ทีมหนึ่ง แต่ทั้ง 5 คนไม่อยากขายสิทธิ์จึงขอให้กำนันนำเงินรวม 3,200 บาทไปคืนให้กับนายจรัญ ไม่ทราบนามสกุล คนที่มาแจกเงินซื้อเสียง นายไพโรจน์ เอียดแก้ว กำนัน ต.เกาะเพชร จึงได้ถ่ายรูปชาวบ้านทั้ง 5 คนและเงินนำเงินทั้งหมดรวมทั้งบัตรเล็กระบุชื่อและหมายเลขประจำตัวของผู้สมัคร นายก และ ส.อบจ.เขต 1 อ.หัวไทร ก่อนมอบหมายให้นายชาตรี เพชรแก้ว ผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 1 อ.หัวไทร เบอร์ 3 ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงเดินทางกับพนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร ในขณะที่ทาง กกต.ได้ให้ชุดเคลื่อนที่เร็วเดินทางไปยัง สภ.หัวไทร เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 22 ธ.ค. 2563ที่ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง อบจ.นครศรีธรรมราชทีมรักเมืองคอน ของ พล.ท.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน หัวทีมทีมคนรักเมืองคอน และผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช หมายเลข 6 ได้มีนายชาตรี เพชรแก้ว ผู้สมัคร ส.อบจ.หัวไทร เขต 1 เบอร์ 3 ทีม “คนรักเมืองคอนพร้อมทีมงานเดินทางมาปรึกษาหารือในเรื่องการซื้อเสียงใน ต.เกาะเพชร กับ พล.ท.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ฝ่ายกฎหมายในการดำเนินการในเนื่องดังกล่าว ในขณะที่ทาง กกต.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งให้นายชาตรี เพชรแก้ว นำหลักฐานเพิ่มเติมไปมอบให้กับทาง กกต. โดยเฉพาะรายชื่อชาวบ้านจำนวน 5 คนที่นำเงินซื้อเสียงมาคืนให้กำนันนายไพโรจน์ เอียดแก้ว กำนัน ต.เกาะเพชร
นายชาตรี เพชรแก้ว ผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 1 อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในพื้นที่มีการซื้อเสียงกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในช่วงใกล้ค่ำของวันที่ 19 ธ.ค. 2562 ได้มีผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 1 อ.หัวไทร หมายเลข 2 แจกเงินซื้อเสียงให้เลือกเบอร์ 2 นายก และ ส.อบจ. มีคนเดินทางไปเข้าออกไปรับเงินอย่างต่อเนื่อง ตอนนั้นตรนก็ทำใจว่าอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งแน่นอนแล้ว เพราะที่ผ่านมาตนยึดมั่นในการทำงานการอย่างบริสุทธิ์ โปร่งใส ไม่มีการซื้อเสียงหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จนกระทั้งเช้าวันที่ 20 ธ.ค. 2563 ชาวบ้านใน ต.เกาะเพชร ที่รับเงินซื้อเสียงได้แจ้งนายไพโรจน์ เอียดแก้ว กำนัน ต.เกาะเพชร ว่ามีคนเข้ามาซื้อเสียงหัวละ 200 บาท แต่พวกตนไม่อยากขายสิทธิ์ขายเสียงจึงขอฝากเงินคืนผ่านทางกำนัน นายไพโรจน์ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบชาวบ้านทั้ง 5 คนนำเงินมาคืนรวม 3,200 บาท จึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบหมายให้ตนในฐานะเป็นผู้สมัครในพื้นที่และเป็นผู้เสียหายโดยตรงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร
“ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนปำคำตนและนายไพโรจน์ เอียดแก้ว กำนัน ต.หร้าสตนไว้เป็นหลักฐาน และตนได้มอบภาพถ่ายพร้อมเงินสด 3,200 บาทให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งรายชื่อชาวบ้านที่นำเงินมาคืนทั้ง 5 คนให้ทราบ ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกชาวบ้านทั้ง 5 คน มาสอบสวนปากคำ ชาวบ้านโดนข่มขู่ กดดันอย่างหนักจนหวาดหลัวไม่กล้าเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ในขณะที่เพื่อนบ้านของตนมาแจ้งให้ตนทราบว่ามีผู้กว้างขวางคนหนึ่งในพื้นที่ อ.ปากพนัง ฝากมาบอกให้ตนยุติการเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าว และให้ตนไปถอนแจ้งความเพื่อให้เรื่องยุติ หากตนไม่หยุด ไม่ยุติผู้กว้างขวางคนดังกล่าวจะเขจ้ามายุติเรื่องกับตนด้วยตนเอง
นายชาตรี กล่าวว่าผู้กว้างขวางวเขาพูดแบบนี้ตนก็รู้ทันทีว่าชีวิตไม่ปลอดภัยแน่ และเกิดความหวาดกลัวอย่างหนัก จึงโทรศัพท์ปรึกษาทีมงานทีมคนรักเมืองนคร พร้อม พล.ท.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน หัวทีมทีมคนรักเมืองคอน ทุกคนก็ให้กำลังใจและยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องร่วมกันต่อสู้จนถึงที่สุด ทำให้ตนฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าทางกัน ต.หน้าสตน และกำนัน ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จะฝากเตือนให้ตนด้วยความเป็นห่วงว่าในเรื่องนี้ให้ตนเพลา ๆ บ้าง แต่ตนตัดสินใจแล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดผมจะต่อสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุด ผมมั่นใจในพยานหลักฐานแม้จะอ้างว่าคนที่ซื้อเสียงไม่ได้ซื้อให้เบอร์ 2 แต่ซื้อเบอร์อื่นซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะในพื้นที่ มีผู้สมัคร ส.อบจ. 3 คน แต่หมายเลข 1 ถูตัดสิทธิ์การรับสมัครเพราะคุณสมบัติไม่ครบ ในพื้นที่จึงเหลือหมายเลข 2 และตนหมายเลข 3 แค่ 2 คนเท่านั้น โดยผู้สมัครนายกของทีมคู่แข่งก็หมายเลข 2 เหมือนกัน ส่วนผู้สมัครนายกทีมตนคือพล.ท.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน หัวทีมทีมคนรักเมืองคอน หมายเลข 3 การแจกเงินพร้อมบัตรหมายเลข 2 ทั้งนายก และ ส.อบจ.มันชัดเจนว่าเบอร์ 2 หรือหมานยเลข 2 ทั้งหัวทั้งหาง จะมาอ้างเป็นอย่างอื่นไม่ได้แน่นอน ตนขอเรียกร้องไปยัง กกต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดูแลคุ้มครองชีวิตผมด้วย
“วันนี้เวลา 10.00 น.ทางทีมคู่แข่งพร้อมผู้กว้างขวางได้ส่งคน 4-5 คนนัดให้ผมไปพบเพื่อเจรจาในเรื่องนี้หวังข่มขู่ กดดันให้ผมยุติเรื่องและถอนแจ้งความ แต่ผมไม่ยอมไปพบตามนัดและตัดสินใจเดินทางมาที่ศูนย์ประสานงานทีทมคนรักเมืองคอน และนำหลักฐานรายชทื่อชาวบ้านทั้ง 5 คนมามอบให้ กกต.นครศรีธรรมราชดังกล่าว” นายชาตรี กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้า
ในขณะที่นักกฎหมายรายหนึ่งกล่าวว่า ในคดีนี้ในทางปฏิบัติเมื่อตำรวจและ กกต.ได้รับแจ้งจะต้องรีบสอบสวนปากคำผู้แจ้ง และพยานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะชาวบ้านที่นำเงินมาคืนทั้ง 5 รายพร้อมนำเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยานทันที เพราะเมื่อปล่อยล่าช้าชาวบ้านทั้ง 5 คนถูกข่มคู่ คุกคามจนขณะนี้ไม่กล้าเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และต่อไปอาจจะให้ปากคำบิดเบือนจากข้อเท็จจริงก็ได้
ทางด้านนางสาวนุชนภางค์ ลิ่มดุลย์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินการในขณะนี้อยี่ที่พนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนมีอำนาจเต็มตามมาตร 33 โดยเมื่อพนักงานสามารถสอบสวนทราบถึงการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นนี้ก็สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ เมื่อพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จจึงรายงานให้ กกต.เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปและยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาขอให้ประชาชนสบายใจได้
+ อ่านเพิ่มเติม