(ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ , รศ. ดร.วรัญญู พูลเจริญ)
เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่ทั่วโลกประสบกับปัญหาไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ระบาดหนัก โดยมีประชากรติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากรวมถึงประเทศไทยเองก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อย และที่ผ่านมาประชาชนต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความกังวลมาตลอด เพราะโควิด-19 นั้นเป็นไวรัสที่ติดต่อจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ง่ายเพียงแค่หายใจร่วมกันในอากาศ ที่อาจได้รับเชื้อจากการไอ การจาม หรือการสัมผัสกันก็สามารถติดเชื้อได้ ไวรัสชนิดนี้มีขนาดเล็กมากและลอยอยู่อากาศเป็นเวลานาน สำหรับผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการไข้ขึ้นสูง ไอตลอดเวลา หายใจลำบาก จนถึงมีอาการปอดบวมขั้นรุนแรง และเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง เราจึงต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้าน และล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ นอกจากนี้เรายังรอคอยว่าเมื่อไหร่จะมีวัคซีนที่มาป้องกันหรือต่อต้านโควิค-19 เพื่อให้เรากลับมาใช้ชีวิตแบบปกติได้อีกครั้ง
ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตด้วยความหวังว่าสักวันจะมีวัคซีนที่จะมาป้องกันและรักษาโควิด-19 เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตต่อไปได้แบบไร้ความกังวล และเพื่อให้เศรษฐกิจภายในประเทศกลับมาดีขึ้น ชาวบ้านตาดำๆ อย่างเราๆ จะได้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง เพราะ 1 ปี ที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยว่าหลายๆ คนในประเทศไทยและรวมถึงประชากรชาวโลกย่อมได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ทั้งงานหดเงินหาย รายได้ลดลงติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จนเริ่มท้อแท้กับสถานการณ์ แต่จะดีสักแค่ไหนถ้าประเทศไทยเราสามารถผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันและรักษาโควิด-19 เองได้ โดยไม่ต้องรอหรือพึ่งพาฐานการผลิตจากต่างชาติ เพราะหากต่างชาติผลิตวัคซีนป้องกันได้สำเร็จ เรายังต้องรอการนำเข้าสู่ประเทศไทยอย่างน้อยๆ 1 ปีขึ้นไปอยู่ดี นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องส่งเสริมให้ทีมวิจัยในประเทศไทยผลิตวัคซีนป้องกันให้สำเร็จจงได้!
ทำไมเราถึงควรมีวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ผลิตโดยคนไทย?
เพราะถ้าสถานการณ์โควิด-19 ในทั่วโลกยังรุนแรงอยู่ คาดการณ์ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนกลุ่นแรกส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มของประเทศมหาอำนาจ คิดเป็น 13% ของประชากรโลกเท่านั้น ในมุมกลับกันถ้าหากประเทศไทยเราเองมีทีมนักวิจัยที่สามารถคิดค้นโดยใช้วัตถุดิบและฐานการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศไทยทั้งหมดเองได้ โดยเราไม่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบหรือฐานการผลิตจากต่างชาติ ก็จะทำให้คนไทยทุกคนมีโอกาสได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ส่งผลให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวและเปิดประเทศได้เร็วขึ้น เราคนไทยก็จะรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้
เหตุผลหลักที่เราควรฝากความหวังไว้กับทีมวิจัยไทย เพราะปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ที่พูดกันตามตรงเลยว่าบ้านเราเองไม่มีทางที่จะไปสู้ชาติมหาอำนาจได้ หากเรามัวแต่รอวัคซีนจากต่างประเทศก็อาจจะกินเวลานานหลายปี คำถามคือ? แล้วทำไมเราต้องรอการช่วยเหลือจากต่างชาติ ในเมื่อเรามีทีมวิจัยที่สามารถนำวัตถุดิบในประเทศมาใช้และมีฐานการผลิตที่อยู่ในประเทศไทย ดังนั้นการจัดจำหน่ายวัคซีนสู่คนไทยย่อมดำเนินการได้รวดเร็วกว่าอย่างแน่นอน
ความหวังที่คนไทยจะได้รับวัคซีนกันอย่างเท่าเทียมเริ่มมีแสงสว่างเมื่อ “ใบยา ไฟโตฟาร์ม” บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ได้รับการบ่มเพาะโดยศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “CU Innovation Hub” ที่ก่อตั้งขึ้นโดยอาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้ค้นคว้าวัคซีนต้านโควิด-19 จากพืช (Plant-based Vaccine) โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้สำเร็จ ภายใต้แนวคิด “วัคซีนเพื่อคนไทย” อย่างแท้จริงเพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
ตอนนี้สิ่งที่พวกเราประชาชนคนไทยจะทำได้ก็คือการสนับสนุนทีมวิจัยไทยที่จะผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ให้สำเร็จลุล่วงไปดี เพื่อร่นระยะเวลาการเข้ารับวัคซีนของคนไทยให้เร็วขึ้น ความหวังนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนร่วมมือร่วมใจ เพื่อให้เรารอดไปด้วยกัน!
ทีมวิจัยจุฬา
ใบยา
วัคซีนโควิด
โควิด19
งานวิจัย
วัคซีนโควิด19
ไวรัสโคโรนา
ใบยา ไฟโตฟาร์ม
สตาร์ทอัพ
CU Innovation Hub
คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย