มาต่อกันที่อีกหนึ่งทางเลือกของการออมเงินเพื่ออนาคต เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตในวัยเกษียณ รายการรอดไปด้วยกัน จะมาแนะนำให้รู้จักกับ 'กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)' ทางเลือกการออมเงินสำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือยังไม่ถึงวัยทำงาน ออมขั้นต่ำเพียง 50 บาท ไม่จำเป็นต้องส่งทุกเดือน เพื่อเมื่ออายุครบ 60 ปี จะได้เงินคืนในรูปแบบบำนาญ เงินสมทบจากภาครัฐ และผลตอบแทนจากการลงทุน
ทั้งนี้ มาดูกันก่อว่า กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) คืออะไร?
กองทุนการออมเพื่อบำนาญโดยสมัครใจ จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย พ.ร.บ.การออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนไทยทุกคนเข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐได้อย่างทั่วถึง โดยเริ่มเปิดกองทุนฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2558 ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ภายใต้คอนเซปต์ "คุณออม รัฐช่วยออม คุณได้บำนาญ"
ผู้มีสิทธิ์สมัครสมาชิก กอช.
- อายุ 15 - 60 ปี
- สัญชาติไทย
- ไม่อยู่ในระบบสวัสดิการบำเหน็จบำนาญอื่นของรัฐ
- ผู้ประกันตนของประกันสังคม มาตรา 40 ทางเลือก 1 (มาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 คือ ผู้ประกันตนจ่ายสมทบ 70 บาท รัฐจ่ายสมทบ 30 บาท รวมเป็นจ่ายสมทบ 100 บาท ซึ่งรับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 3 กรณี คือ เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ และเงินค่าทำศพกรณีเสียชีวิต)
เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ ค้าขาย รับจ้างทั่วไป เกษตรกร พ่อบ้านแม่บ้าน รวมถึงนักเรียน นักศึกษา
ส่วนขั้นตอนการออมเงินกับ กอช. มีดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบสิทธิ์ กรอก "หมายเลขบัตรประชาชน" และ "เบอร์โทรศัพท์มือถือ" ที่เว็บไซต์ กอช. eservice.nsf.or.th
2. สมัครสมาชิกที่แอปฯ กอช. / เว็บไซต์ กอช. / หน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้าน เช่น ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธ.ก.ส. ธอส. ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา / เคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ
3. ออมเงินขั้นต่ำ 50 บาท - สูงสุด 13,200 บาท/ปี ไม่จำเป็นต้องส่งเงินทุกเดือน แบ่งงวดการส่งตามความพร้อมของตัวเอง
4. ทุกครั้งที่ส่งเงินสะสม รัฐจะช่วยสมทบตามอัตราที่กำหนดในแต่ละช่วงอายุ
-ช่วงอายุ 15-30 ปี รัฐช่วยสมทบ 50% ของเงินสะสม สูงสุด 600 บาท/ปี
-ช่วงอายุ 30-50 ปี รัฐช่วยสมทบ 80% ของเงินสะสม สูงสุด 960 บาท/ปี
-ช่วงอายุ 50-60 ปี รัฐช่วยสมทบ 100% ของเงินสะสม สูงสุด 1,200 บาท/ปี
5. นอกเหนือจากจะได้รับเงินสมทบจากรัฐแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุนอีกด้วย โดย กอช. จะนำเงินสะสมของสมาชิกไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น พันธบัตร ตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารทุน(หุ้น) ฯลฯ โดยผลตอบแทนการลงทุนจะเป็นไปตามหน่วยลงทุน และมูลค่าตลาด ซึ่งรัฐบาลจะค้ำประกันผลตอบแทนให้สมาชิกที่ออมถึงอายุ 60 ปี ในอัตราไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ย 7 ธนาคาร
ทั้งนี้ เมื่ออายุครบ 60 ปี จะได้เงินคืนในรูปแบบเงินบำนาญ/เงินดำรงชีพ รายเดือน ขั้นต่ำเดือนละ 600 บาท ไปจนถึง 7,000 กว่าบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ออม จนกว่าเงินในบัญชีพร้อมผลประโยชน์จะหมด
เช่น เริ่มส่งเงินอายุ 15 ปี ส่งปีละ 13,200 บาท จำนวนปีที่ต้องส่งเงินสะสมคือ 45 ปี มีเงินในบัญชี 1,533,028.32 บาท และจะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 7,284.31 บาท ตลอดชีพ
หรือ เริ่มส่งเงินอายุ 15 ปี ส่งปีละ 50 บาท จำนวนปีที่ต้องส่งเงินสะสมคือ 45 ปี มีเงินในบัญชี 9,134.16 บาท และจะได้รับเงินดำรงชีพเดือนละ 600 บาท จนกว่าเงินในบัญชีพร้อมผลประโยชน์จะหมด
ในกรณีที่ลาออกจาก กอช. ก่อนอายุครบ 60 ปี จะได้รับเงินคืนเป็นก้อน (เงินออมที่สะสม + ผลประโยชน์จากการลงทุน) แต่จะไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐ เนื่องจากผิดเงื่อนไข
ในกรณีที่เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี หรือได้รับบำนาญแล้วเสียชีวิต เงินที่เหลืออยู่ ผู้รับผลประโยชน์สามารถติดต่อขอรับเงินคืนได้ เป็นเงินก้อน (เงินออมที่สะสม + เงินสมทบจากรัฐ + ผลประโยชน์จากการลงทุน)
นอกจากนี้ เมื่อเป็นสมาชิก กอช.แล้ว จะยังไม่เสียสิทธิที่พึงได้จากรัฐ คือ จะได้ทั้งเงินบำนาญจาก กอช. / เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ / สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ใครที่สนใจ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) แต่ยังมีข้อสงสัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ กอช. eservice.nsf.or.th หรือสอบถามที่ Facebook : กองทุนการออมแห่งชาติ - กอช. หรือสายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000 ในวันและเวลาทำการ