ข่าวดีสำหรับชาวนาและชาวสวนยาง เตรียมเฮได้เลยเพราะว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.ภูเก็ต มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและยางพาราวงเงิน รวมทั้งสิ้น 61,900.82 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดของแต่ละโครงการจะเป็นอย่างไรนั้น เรามาชมไปพร้อมๆ กันเลย
เริ่มกันที่ โครงการประกันราคาข้าว
โดยโครงการประกันรายได้ปี 2 กำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้เกษตรกรเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 - พฤษภาคม 2564 ได้แก่...
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 14 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน
- ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 30 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 25 ตัน
- ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน
- ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 30 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 25 ตัน
- ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน
โครงการประกันรายได้ยางพารา
ด้านเกษตรกรชาวสวนยางในโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางปี 2 ได้รับการอนุมัติเช่นกัน โดยกำหนดราคาประกันรายได้ดังนี้
- ยางแผ่นดิบ กิโลกรัมละ 60 บาท
- น้ำยางสด กิโลกรัมละ 57 บาท
- ยางก้อนถ้วย กิโลกรัมละ 23 บาท
เพิ่มเติม : การประกันราคา คือ การที่รัฐบาลกำหนดราคาให้เกษตรกรรู้ล่วงหน้าว่าในเดือนที่จะขายสินค้าเกษตรนั้น เกษตรกรสามารถที่จะขายผลผลิตได้ราคาเท่าใด แล้วหากราคาตลาดที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า“ราคาประกัน” รัฐบาล จะจ่ายเงินชดเชยให้เท่ากับส่วนต่างของราคาที่ประกันไว้กับราคาตลาดที่เกษตรกรขายได้