3 ผู้บริหารแนวหน้าของไทย 'ไทยเบฟ-จีซี-ไทยยูเนี่ยน' ร่วมวงเสวนายกระดับความยั่งยืนต่อยอดธุรกิจ แชร์ไอเดียสู่ความสำเร็จระดับโลก

( 3 ตุลาคม 2563 ) บรรยากาศงานต่อเนื่องเป็นวันที่ 3  สำหรับอีกหนึ่งไฮไลต์กิจกรรมในงาน  Thailand Sustainability Expo 2020 ( TSX2020 )  ณ  สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์   ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability)  กับการขึ้นเวทีเสวนาจากผู้บริหารสูงสุดของ 3 บริษัทชั้นนำของไทย  นำทีมโดย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ( มหาชน ) , ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ( มหาชน ) หรือ GC และนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน ) ในหัวข้อ  ”Decade of Sustainability in Action” กับความสำเร็จในการเป็นผู้นำองค์กรสู่ด้านความยั่งยืนระดับโลก ร่วมแชร์ไอเดียต่อยอดการบริหารองค์กรในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่สุดแสนท้าทายอย่างเช่นปัจจุบันนี้ โดยแนวคิดหลักจาก 3 ผู้บริหารระดับแนวหน้าของไทยที่มุ่งเน้นการบริหารองค์กรให้เติบโตสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง

CEO PANEL DISCUSSION  : Thailand Sustainability Expo 2020

การจัดเสวนาในหัวข้อ “DECADE OF SUSTAINABILITY IN ACTION”

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ภาคธุรกิจให้ความสนใจมาอย่างยาวนานในเรื่องของความยั่งยืน โดยมีการทำงานในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและเป็นแกนหลัก ซึ่งเรื่องเหล่านี้กำลังจะสะท้อนผลออกมา สำหรับ UN เริ่มเป้าหมายการพัฒนาอย่างยืน 17 ข้อ มาตั้งแต่ปี 2015 และจะสิ้นสุดในปี 2030 ซึ่งมีการหารือ และร่วมมือกัน พร้อมกับลงมือทำไปบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้ร่วมมือกันอย่างจริงจังหรือชัดเจน ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่แต่ละองค์จะร่วมมือกันอย่างไรในการพัฒนาความยั่งยืน เราต้องมาคุยกันและมุ่งไปที่ประเด็นหลักเพื่อลงมือทำและเดินหน้าไปพร้อมๆกัน ถึงแม้ว่าทางธุรกิจจะมีการแข่งขันแต่ก็ยังมีมุมของความสร้างสรรค์ นั่นก็คือการรวมพลัง อย่างเช่นวันนี้ ที่ 3 องค์กรมารวมตัวกัน แม้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่ก็สามารถหาทางสร้างประโยชน์และความยั่งยืนได้”

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ( มหาชน )  หรือ GC กล่าวว่า “การที่ GC ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อันดับแรกเลยนั้นมาจากความเชื่อ ซึ่งองค์กร ผู้บริหาร และทีมงานทุกคน ต้องมีความเชื่อว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความเชื่ออย่างเดียวนั้นยังไม่พอแต่เราจะต้องทำให้มาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจ โดยความยั่งยืนที่ว่านั้นถึงแม้ว่าทาง GC จะทำมานาน นอกจากทำได้ดีแล้วเราต้องแบ่งปัน และสร้างแนวร่วม เนื่องจากสถานการณ์โลกปัจจุบันทาง GC ทำเพียงทางเดียวคงไม่ได้ การยกระดับความยั่งยืนไม่ใช่การได้รับรางวัล แต่เป็นการสร้างบทบาทให้เราสามารถเป็นส่วนเล็กๆที่จะช่วยจุดประกายให้กับองค์กร หน่วยงาน หรือคนอื่นๆ สามารถสร้างเรื่องนี้และนำไปต่อยอดได้

สำหรับการสร้างความยั่งยืนในองค์กรของ GC มีตั้งแต่พื้นฐานเรื่องนโยบาย รวมไปถึงการมอบหมายงานต่างๆ แต่สิ่งสำคัญคือการผลักดันจากข้างล่างด้วยการสร้างวัฒนธรรมขององค์กรที่มองถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ถ้ามีเรื่องนี้การที่เราจะสร้างสมดุลด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ก็จะสอดคล้องกับวัฒนธรรมความเชื่อ เห็นได้ชัดคือช่วงเหตุการณ์หลังโควิด-19 ซึ่งเราจะอยู่คนเดียวไม่ได้แน่นอน เราจะต้องร่วมใจสู้ไปในแนวทางเดียวกันเผื่อจะผ่านวิกฤติและเติบโตอย่างยั่งยืน”

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด  กล่าวว่า “ บริษัทไทยในตลาดโลกถือว่ามีศัยภาพเป็นอย่างมาก แต่ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ได้ดูแค่คุณภาพหรือราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ผู้บริโภคยังต้องการรู้ถึงประบวนการผลิตสินค้าว่ามีความถูกต้องหรือไม่ ผู้ผลิตดูแลรักษาพนักงานอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้าเมื่อปี 2014 TU ยังไม่รู้จักความยั่งยืน รู้อย่างเดียวว่าการทำธุรกิจต้องมีความซื่อสัตย์ ดูแลพนักงาน คู่ค้า ผู้บริโภคให้ดี แต่ในปีนั้นไทยถูกกล่าวหาว่าใช้แรงงานผิดกฎหมาย ถูกปรับลด Tier 2 watchlist เป็น Tier 3 อีกทั้งยังถูกออกใบเหลืองฐานทำประมงผิดกฎหมาย เราคิดว่าองค์กรทำถูกต้องก็พอ ดูแลแรงงานในโรงงานให้ดีก็พอ แต่มันไม่ใช่เลย แต่ต้องทำโรงงานทั้งกระบวนการของเราถูกต้องตามข้อปฏิบัติ หลังจากนั้นรัฐบาลและส่วนของอุตสาหกรรมประมงได้มุ่งเน้นทำเรื่องมาถึง 3 ปี จนในที่สุดประเทศไทยก็หลุดพ้นกลับมาอยู่ใน Tier 2 และสถานะประมงก็กลับมาเป็นใบเขียวตามเดิม ”

จากการเสวนาครั้งนี้ ทางCEO ทั้ง 3 ท่าน จาก 3 องค์กรชั้นนำของประเทศไทย ได้เข้ารวมและแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์สู่แนวทางปฎิบัติได้จริงเป็นแนวความคิดที่สามารถนำไปต่อยอดสู่ความยั่งยืนของแต่ละองค์กรจากอดีตปัจจุบันสู่อนาคตที่ยั่งยืนต่อไป

แนวคิดในการจัดงาน “ Thailand Sustainability Expo 2020 ” นี้นั้น ได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาท สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "สืบสาน รักษา และต่อยอด" มาเป็นแนวทางในการจัดงานตามศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริขอพระบาทสมเด็จพระบรมชนการิเบศร มหาภูมิพลอตุลยดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาส และสร้างเครือข่ายสังคมของการมีส่วนร่วมสู่การนำไปปฏิบัติที่ใช้ได้ผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงต่อไป ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability)

จุดประสงค์หลักของงาน “ Thailand Sustainability Expo 2020 ”  เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาส และ สร้างเครือข่ายสังคมของการมีส่วนร่วมสู่การนำไปปฏิบัติที่ใช้ได้ผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงภายในงานทุกท่านสามารถพบกับวิทยากรชื่อดังกว่า 50 คน บนพื้นที่ที่รวบรวมเรื่องราว กิจกรรม โครงการ บูธนิทรรศการเพื่อความยั่งยืนทั้งจากองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

อีกหนึ่งงานกิจรรมดีดี  ในงาน Thailand Sustainability​ Expo​ 2020 ( TSX2020 )  “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” ที่จะให้คุณได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถช่วยกันเปลี่ยนโลกให้ยั่งยืน เปิดประสบการณ์และเรียนรู้ผ่านนิทรรศการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตั้งแต่วันที่ 1-4 ตุลาคม 2563 ที่ห้างสรรพสินค้าสามย่านมิตรทาวน์ ชั้น G ชั้น 3 และ ชั้น 5  ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  ติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่  Facebook: TSXofficial และ www.thailandsustainabilityexpo.com