“บรรยิน”กลับคำ รับสารภาพ อุ้มฆ่าเผาพี่ชายผู้พิพากษา แต่งชุดตร.ขับรถไปลงมือโหด เพื่อต่อรองคดี อ้างเหตุโมโหผู้พิพากษา ทำให้กดดันขาดสติ ศาลนัดสืบพยานประกอบอีกหลายปากเดือน ต.ค.
วันที่ 14 ก.ย. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดสืบพยาน คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษ าอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีตรมช.พาณิชย์, นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และด.ต.ธงชัย หรือสจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6
ในความผิด 9 ข้อหา ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310, ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139, 140, ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210, ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213
ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199, ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 ทวิ, ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 ประกอบ ป.อ.มาตรา 33, 80, 83, 91, 92 และยังยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ข้อหาที่ 10 ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา มาตรา 146
โดยอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหกเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2563 จำเลยที่ 2-6 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ สำหรับนายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 3 แถลงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยทนายความจำเลยที่ 3 ขอยื่นคำให้การในวันนัดตรวจหลักฐาน ส่วนพ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ขณะนี้ถูกแยกไปขังยังเรือนจำกลางบางขวาง ภายหลังจากมีข่าววางแผนเพื่อหลบหนีออกจากเรือนจำและจับตัวประกัน
ตามที่ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานที่โจทก์และจำเลยทั้ง 6 อ้างตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 25 มิ.ย.2563 ไปแล้วนั้น เนื่องจากจำเลยที่ 1,2,4,5 ยื่นคำให้การใหม่ โดยจำเลยที่ 1 นายบรรยิน ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เป็นให้การรับสารภาพ ตามคำให้การฉบับลงวันที่ 19 ส.ค.2563 ว่าจำเลยที่ 1 ได้ก่อเหตุในคดีนี้จริง
โดยร่วมกับจำเลยที่ 3 จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น น้ำมัน ยางรถยนต์ สังกะสี อิฐบล็อก เพื่อไปใช้เผาทำลายศพนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ โดยนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปไว้ยังจุดเกิดเหตุที่เผาศพนายวีรชัย บริเวณเขาใบไม้ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2563 การเตรียมการดังกล่าวต้องการจับตัวนายวีรชัยมาเพื่อบังคับ ขู่เข็ญและต่อรองคดีกับน.ส.นิดา ศกุนตะประเสริฐ โจทก์ร่วมในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.305/2561 ของศาลอาญากรุงเทพใต้
จำเลยที่ 1 มีเจตนาจะนำตัวนายวีรชัยไปกักขังไว้ที่บ้านพักที่ใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่อ.ตาคลี และหากหลังจากจับตัวนายวีรชัยมาขังไว้แล้ว การต่อรองและบังคับขู่เข็ญกับนางสาวพนิดาไม่สำเร็จผล โดยน.ส.พนิดาไม่ทำตามข้อเรียกร้อง จำเลยที่ 1 อาจต้องฆ่านายวีรชัยและเผาทำลายศพ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 จำเลยที่ 1 กับพวก ได้จับกุมตัวนายวีรชัยขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าคันเกิดเหตุ เพื่อนำตัวไปกักขังและต่อรองกับน.ส.พนิดา โดยจะนำตัวนายวีรชัยไปบ้านพักที่อ.ตาคลี ระหว่างเดินทางนายวีรชัยดิ้นรนขัดขืนการควบคุมตัวขณะนั่งอยู่ที่เบาะหลังกับจำเลยที่ 4 และที่ 5 จำเลยที่ 3 ซึ่งนั่งอยู่เบาะหน้าด้านซ้าย ได้หันไปชกต่อยนายวีรชัย เพื่อให้หยุดการดิ้นรนขัดขืน เป็นเหตุให้นายวีรชัยถึงแก่ความตาย
คำให้การ ของพ.ต.ท.บรรยิน ยังระบุอีกว่า ร่วมกับจำเลยที่ 3 นำศพนายวีระชัยไปเผาจริง แล้วยังร่วมขับรถนำเถ้ากระดูก สังกะสี เศษยางรถยนต์ อิฐบล็อก ไปทิ้งตามจุดต่างๆด้วย สำหรับเหตุการณ์ี่เกิดขึ้น ไม่มีเจตนาก่อเหตุเพื่อกระทบหรือก้าวล่วงองค์กรศาล แต่เป็นเหตุผลส่วนตัวหลังจากรู้สึกกดดันว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีการเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ จนเกิดการขาดสตินำไปสู่การกระทำความผิด
อย่างไรก็ตามจากคำให้การที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ข้อเท็จจริงตามที่ให้การรับสารภาพนั้น ยุติไปบางส่วน ทำให้ศาลจำเป็นในการสืบพยานหลักฐานตามที่โจทก์ และโจทก์ร่วมอ้างเอาไว้เดิมเพิ่มเติม จึงกำหนดวัดนัดพยานสืบหลักฐานใหม่เป็นในช่วงกลางเดือนตุลาคม ถึงปลายเดือนตุลาคมนี้ จำนวน 5 วัน