ย้อนรอยการจับกุมตัว นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 38 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี คนร้ายชิงทอง ห้างโรบินสัน ลพบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
ซึ่งนายประสิทธิชัย คนร้ายชิงทองลพบุรี เคยเปิดเผยว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ เกิดจากปัญหาส่วนตัว และปัญหาเรื่องการเงิน ที่ก่อเหตุยิงคนอื่นเพราะต้องการเปิดทาง และทำให้กลัว โดยมีการวางแผนก่อเหตุล่วงหน้า 2-3 วัน
โดยนัดแรกที่ได้ยิง รปภ.นั้น เพราะว่าต้องการยิงเปิดทาง และไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้ ส่วนการยิงซ้ำใส่ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ หรือ กวาง พนักงานร้านทองนั้น ตอนที่กำลังปีนขึ้นตู้กระจก ปลายกระบอกปืนหันไปที่ผู้หญิง และถุงมือไปขัดในโกร่งไกปืน เมื่อพยายามดึงถุงมือออกทำให้ปืนยิงออกไป 2 นัด
ส่วนที่ยิงน้องไทตัลนั้น เพราะไม่เห็น ตนตั้งใจยิง รปภ. แต่คาดว่ากระสุนแฉลบไปโดนเด็ก "ผมไม่ได้ตั้งใจยิงเด็ก" โดยหลังเกิดเหตุ ทุกครั้งที่ดูข่าว รู้สึกสำนึกผิดและเสียใจกับการกระทำ เพราะหลังก่อเหตุได้ดูข่าวทราบว่ายิงเด็ก
"ผมยิงไปที่ตู้กระจกทอง 2 นัด แต่ไม่คิดว่ากระสุนจะไปโดนพนักงาน และหลังจากนั้นพอทำไปแล้วอารมณ์มันหลุด จึงยิงคนอื่นอีก เสียใจและขอโทษ" ผอ.กลอ์ฟ กล่าว
ทั้งนี้ หลังก่อเหตุแล้ว ตนก็ใช้ชีวิตตามปกติ พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด ไม่ได้คิดหนี แต่ทุกครั้งที่เห็นข่าวก็เสียใจกับการกระทำ ตนอยากฝากแสดงความเสียใจไปถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะน้อง 2 ขวบ น.ส.ธิดารัตน์ ตนสำนึกผิดแล้ว
ส่วนเรื่องท่อเก็บเสียงปืนนั้น สั่งมาจากเพื่อนรุ่นน้องในอินเทอร์เน็ต ใช้เพราะต้องการลดเสียงไม่ให้ดัง ไม่ต้องการให้คนตระหนก หลังก่อเหตุตนคิดจะมอบตัว หลังวันที่ 24 ม.ค.63 เนื่องจากยังติดภารกิจที่โรงเรียน ยืนยันทำคนเดียว ไม่ได้ปรึกษาหรือคุยกับใคร
กระทั่งล่าสุด วันนี้ (27 ส.ค. 63) ศาลอาญาพิพากษา ประหารชีวิต อดีต ผอ.กอล์ฟ กรณีกราดยิงชิงทองในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองลพบุรี ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิต บอกพอใจกับคำพิพากษา
นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ อดีต ผอ.กอล์ฟ จำเลยในคดีกราดยิงชิงทอง 33 เส้น ห้างทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองลพบุรี ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น หลังถูกจำคุกมานานกว่า 7 เดือน ทันทีที่ลงจากรถเรือนจำก็ยกมือไหว้มาตลอดทาง ทันทีที่เข้าห้องพิจารณา จำเลยยกมือไหว้กลุ่มผู้เสียหายและฟังคำพิพากษาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คดีนี้จำเลยถูกฟ้อง ฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน และพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ รวม 9 ข้อหา ซึ่งจำเลยยอมรับสารภาพ พร้อมอ้างว่าพยายามยกเลิกแผนแล้ว แต่ที่ทำไปเพราะความคิดชั่ววูบ ไม่มีเจตนา ยิงใครให้ตาย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขัดแย้งกับผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และวิถีกระสุน คำรับสารภาพ เป็นเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน จำเลยไม่ได้มอบตัว และพฤติการณ์เป็นภัยร้ายแรง จำเลย มีความผิดตามฟ้องทุกข้อหา พิพากษาประหารชีวิต พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คนตามความเป็นจริง และเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้เสียหายอีก 7 คน รวมเป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท
ทันทีที่ศาลอ่านจบ แม่และภรรยาของจำเลยร้องไห้ออกมาทันที ขณะที่จำเลยมีสีหน้าสลดลงอย่างชัดเจน และก่อนจะออกจากห้องพิจารณาคดี จำเลยได้ไหว้ขอขมาผู้เสียหายทุกคน พร้อมบอกว่า "ขอโทษ เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปและยอมรับในโทษที่ได้รับ"
ขณะที่ พ่อและแม่ของน้องไททัล เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาว่า แม้จะผ่านมากว่า 7 เดือน ยังคงเจ็บในใจทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นี้ แต่ก็พอใจในคำพิพากษา